แปลไทยแบบกันเอง : José González - Cycling Trivialities






Too blind to know your best.
Hurrying through the forks without regrets.
Different now, every step feels like a mile.
All the lights seem to flash and pass you by.

มืดบอดเกินกว่าจะรู้จักตัวเองดี
รีบร้อนใช้ชีวิตเหมือนจะไม่นึกเสียใจทีหลัง
ตอนนี้มันต่างออกไปแล้ว ทุกย่างก้าวรู้สึกเหมือนไกลเป็นกิโล
สิ่งต่างๆเหมือนจะฉายผ่านตัวฉันไป ราวกับไร้ตัวตน

So how's it gonna be.
When it all comes down you're cycling trivialities.

นั่นแหละคือสิ่งที่มันจะเป็น
เมื่อทุกอย่างพังทลายลง เธอก็เป็นเพียงวงจรเล็กๆที่ไม่สำคัญอะไร

Don't know which way to turn.
Every trifle becoming big concerns.
All this time you were chasing dreams,
without knowing what you wanted them to mean.

ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปทางไหน
เรื่องเล็กๆน้อยๆทุกเรื่องกลายเป็นความวิตกกังวล
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเอาแต่ไล่ตามความฝัน
โดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอต้องการนั้น มันมีความหมายว่าอย่างไร

So how's it gonna be.
When it all comes down you're cycling trivialities.
So how's it gonna be.
When it all comes down you're cycling trivialities.

นั่นแหละคือสิ่งที่มันจะเป็น
เมื่อทุกอย่างพังทลายลง เธอก็เป็นเพียงวงจรวงหนึ่งที่หายไป
นั่นแหละคือสิ่งที่มันจะเป็น
เมื่อทุกอย่างพังทลายลง เธอก็เป็นเพียงวงจรวงหนึ่งที่หายไป

Who cares in a hundred years from now.
All the small steps, all your shitty clouds.
Who cares in a hundred years from now.
Who'll remember all the players.
Who'll remember all the clowns.

ใครจะสนล่ะ ในอีกร้อยปีข้างหน้า
ทุกก้าวย่างเล็กๆของเธอ ทุกความผิดพลาดของเธอ
ในอีกร้อยปีข้างหน้าใครจะสนกันล่ะ
ใครจะจำตัวแสดงได้หมด
ใครจะจำตัวตลกทั้งหลายได้

So how's it gonna be.
When it all comes down you're cycling trivialities.

นั่นแหละคือสิ่งที่มันจะเป็น
เมื่อทุกอย่างพังทลายลง เธอก็เป็นเพียงวงจรวงหนึ่งที่หายไป

So what does this really mean.
When it all comes down you're cycling trivialities.
Cycling trivialities.
Cycling trivialities

นั่นแหละคือความหมายที่แท้จริง
เมื่อทุกอย่างพังทลายลง เธอก็เป็นเพียงวงจรวงหนึ่งที่หายไป
วงจรเล็กๆวงนึงที่หายไป
วงจรเล็กๆวงหนึ่งที่หายไป

            เริ่มชอบโจเซ่ตั้งแต่Ost. The Secret Life of Walter Mitty - Stay Alive คือชอบมากกกกกก เพลงนายเข้ากับหนังสุดๆอ่ะ เพลงแนวสบายๆและความหมายดีค่ะ เพลงนี้ก็เช่นกัน เพลงนี้มีความหมายในทำนองปรัชญาชีวิตค่ะ

เรามาอัพเดทเพิ่มหลังผ่านมรสุมในช่วงโควิดและสภาวะซึมเศร้า ขอบอกเลยว่าเพลงนี้ช่วยชีวิตไว้เหมือนกันนะคะเนี่ย 555

          บางครั้งเรื่องต่างๆที่ผ่านเข้ามาก็ทำให้เราลืมไปว่าเราเจ๋งขนาดไหน เราเป็นใคร เราทำอะไรได้บ้าง วิถีชีวิตทุกวันนี้มีการแข่งขันสูง ต้องเก่ง ต้องเร็ว ต้องสวย ต้องรวย สารพัดที่จะ"ต้อง"ทำ เราจึงมักจะติดสินใจอะไรเร็ว เหมือนการเลือกเส้นทางเดินไปอย่างรีบร้อน ที่สุดท้ายแล้วมันก็จะกลายเป็นการเดินทาง(ใช้ชีวิต)อย่างยากลำบากในท้ายที่สุด วันที่เราเดินต่อไปไม่ไหว [เราอาจจะเพิ่งค้นพบว่า อ้าว กูเป็นปลานี่หน่า แต่นี่ต้องมาเดินบนบกไกลขนาดนี้เลยอ่ะนะ?] และการที่แสงมันฉายผ่านตัวเราไป ท่อนนี้เราตีความได้หลายอย่างค่ะ แสงอาจหมายถึงสปอตไลท์ สปอตไลท์ การเป็นจุดสนใจหรือความสำคัญ และแสงอาจหมายถึงโอกาสที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หรืออาจหมายถึงทุกเรื่องราวเลยก็ได้  แต่ถ้าฟังแบบเน้นอารมณ์ดาวน์ๆ จะรู้สึกเหมือนแสงมันฉายผ่านตัวเราแบบทะลุ เหมือนเราเป็นผี ไร้ตัวตน

            ท่อนฮุคเขาเลยบอกว่า นั่นแหละคือความจริงที่ว่า เราแต่ละคนล้วนเป็นชิ้นส่วนเล็กๆในโลกใบนี้ เปรียบคนเราเป็นเหมือนเฟืองจักรค่ะ ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง แต่พอเราหายไปคนอื่นๆก็ยังอยู่ วัฏจักรของโลกก็ยังดำเนินต่อไป เราไม่ได้สำคัญอะไรเลย อันนี้มีประสบการณ์จริงที่ทำให้รู้สึกว่าประโยคนี้powerfulมาก คือ ลุงเรากับเราเกิดวันเดียวเดือนเดียวกัน ปีนี้ลุงเราตาย แต่ด้วยความที่แกเป็นแบดบอย การตายของแกเกิดขึ้นและจบลงภายในวันเดียว และทุกคนก็ใช้ชีวิตต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีการพูดถึงมากนัก ไม่มีใครเสียน้ำตา มีแค่คนวิ่งวุ่นเรื่องงานศพแก2-3คน เราก็ไม่สนิทกับแกเลยแม้แต่น้อย แต่ก็รู้สึกสลดใจว่า โห คนเรามันก็เท่านี้เองเนอะ คือจะอยู่หรือตายมันไม่ต่างกันขนาดนั้นเลยหรอวะ ตอนนั้นเราก็ดาวน์อยู่นะ แต่พอเห็นแบบนี้แล้วมันไปได้ทั้งดาวน์ลง กว่าเดิมกับโดดออกจากหลุมดำอ่ะค่ะ  จมไปสักพักก็รู้สึกว่า เอ้อ ถ้ากูตายแล้วไม่มีความหมายขนาดนั้น ก็อยู่ต่อก็ได้ ขอใช้วิทธิ์ในการมีชีวิตอยู่ไว้เต็มที่แล้วกัน เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ต้องตายอยู่ดีใช่ไหมล่ะ งั้นไม่รีบ ใจไม่ถึงพอ อยู่แม่งแกนๆไปงั้นอ่ะ 5555 (แต่ตอนนี้หายแล้วนะ ก็งงเหมือนกันว่าทำไมลงหลุมไปลึกจังหว่า)

        "ทางที่เราเลือกเดินมาอย่างรีบเร่ง เมื่อมันยากขึ้น เราก็ไม่รู้จะแก้ยังไง เรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา เพราะเรามัวแต่ไล่ตัวความฝันโดยที่ไม่รู้ว่าหมายของมัน" ชอบท่อนนี้นะคะ เพราะบางคนไล่ตามความฝันแบบสุดพลังมาก เห็นแล้วเราก็เหมือนดูการ์ตูนปลุกใจไปกับเขาด้วยอ่ะ แต่พอเขาได้ตามที่ฝันแล้วยังไงต่อล่ะ อันนี้หลายคนไม่ได้คิด หรือกับบางคนที่กำลังไล่ตามอะไรสักอย่างอยู่เนี่ยแล้วมันเหนื่อยจนจะเดินไม่ไหว อาจจะลองถามตัวเองว่า เราทำไปเพื่ออะไรดูก็ได้นะ เพลงนี้สื่อได้ดีอ่ะ เหมือนอยากจะบอกว่า เราช้าลงบ้างก็ได้ พลาดบ้างก็ได้ ไม่ต้องทำอะไรสมบูรณ์แบบไปหมดหรอก อีกร้อยปีพอเราตายไปมันก็ไร้ความหมาย (จริงๆอาจจะแค่ไม่กี่วัน...) ไม่มีใครสนใจรายละเอียดชีวิตหรือความผิดพลาดของเราหรอก เพราะเราก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆบนโลกใบนี้เท่านั้น

--------------------------------

คำศัพท์


            Fork : นอกจากจะแปลว่าช้อนส้อม ยังแปลว่าทางแยกได้ด้วยนะคะ

            Cycling trivialities : trivialities แปลว่าเล็กๆน้อย ไม่สลกัสำคัญอะไร พอมารวมกับ Cycle เลยกลายเป็นวงจรหรือวัฏจักรค่ะ

            Trifle : แปลว่าเรื่องเล็กๆ เรื่องขี้ปะติ๋วค่ะ

            Shitty clouds : Cloud นอกจากก้อนเมฆยังแปลว่ารอยด่างพร้อย หรือมลทินได้ด้วยค่ะ พอมารวมกับShitty ความผิดพลาดค่ะ อารมณ์แบบ เรื่องโง่ๆงี่เง่าๆของเรา ทำนองนั้นค่ะ 

           Players : ไม่ได้แปลว่าผู้เล่น แต่ยังแปลว่านักแสดงได้ด้วย ก็เลยปรับให้เข้ากับบริบทเพลง คอนเซ็ป โลกคือละคร
 
           Clowns : นอกจากตัวตลกแล้ว ถ้าเอาตามบริบทเพลง สิ่งที่ตรงข้ามกับนักแสดงก็คงเป็นตัวประกอบ สิ่งที่ตรงข้ามกับการเป็นดาวเด่นหรือจุดสนใจ ก็คือลูสเซอร์หรือคนขี้แพ้ ไม่ว่าบทบาทในชีวิตคุณจะเป็นแบบไหน สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครจำเราได้ขนาดนั้นหรอก

งานวิจัยด้านจิตวิทยากล่าวว่า คนอื่นสนใจเราน้อยกว่าที่คิดนะคะ เพราะทุกคนหมกมุ่นแต่กับเรื่องของตัวเองทั้งนั้น ในวันที่เราท้อเพราะใช้ชีวิตตามบรรทัดฐานหรือค่านิยม ความชอบ ความคาดหวังของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นสังคม เพื่อนฝูง ครอบครัว หรือคนรัก ไม่ผิดค่ะที่เราจะท้อและรู้สึกไร้ค่าได้ เพราะทุกวันนี้สิ่งต่างๆมันมาตรฐานสูงเหลือเกิน เก่งเท่านี้ไม่พอ ต้องเก่งกว่า ต้องดีกว่า มันเหมือนการขึ้นบันไดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งมันเหนื่อยมากเลยนะคะ และเราก็จะยิ่งเห็นค่าของตัวเองน้อยลงไปเรื่อยๆทั้งที่จริงๆอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้

เหนื่อยได้ ท้อได้ แต่อย่าเพิ่งตายนะคะ

ให้การฆ่าตัวตายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำนะ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ จากคนที่เพิ่งขึ้นมาจากหลุมดำได้สักพัก และคิดว่าอีกสักพักน่าจะร่วงลงไปใหม่ เรามาลุ้นกันดีกว่าว่าเราจะอยู่บนพื้นโลกได้อีกนานแค่ไหน

เพลงนี้จบแล้ว ไปต่อที่เพลง stay alive กันเลยค่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Atlantis

แปลไทยแบบกันเอง : Adele – Remedy

แปลไทยแบบกันเอง : Jack Johnson - Monsoon