แปลไทยแบบกันเอง : Oh Wonder - Without You
เพลงนี้เป็นอีกเพลงนึงที่ฟังมานานแล้วค่ะแต่ว่าไม่เคยจะคิดแปลลงบล็อกซะที
เพราะว่ามันฟังสบายๆชิวๆ เหมาะแก่การนั่งโยกหัวทำงานนั่นเอง (ไม่เศร้า
จะไม่ค่อยลงเพราะอินเนอร์มันไม่มาแล้วก็จะขี้เกียจค่ะ ><....) แต่ว่าคุณ วนศักดิ์ ทำสวย ได้เอ่ยชื่อเพลงนี้ขึ้นในคอมเมนท์
เราเลยคิดว่าเราควรจะแปลลงบล็อก
พอมาอ่านเนื้อย่างตั้งใจอีกทีก็เจอทำนองเพลงหลอกเข้าให้แล้ว
เพราะเอาเข้าจริงๆเพลงนี้ก็น่าสนใจใช้ได้เลยค่ะ
Step
out into the sun
Skies
above they radiate me
Lift
up, carry the love
Do
you know?
ก้าวออกมายืนท่ามกลางแสงแดด
ท้องฟ้าเบื้องบนสาดแสงลงมาที่ฉัน
หยิบเอาความรักขึ้นมาและแบกมันเอาไว้
เธอรู้รึเปล่า?
That
I've been out of my mind
This
slow life I'm waiting for you
To
swing me all of your line
Do
you know?
ว่าฉันเคยสติแตก
ด้วยชีวิตที่เอื่อยเฉื่อยนี้
ฉันกำลังรอเธออยู่
เพื่อจะพาฉันเข้าไปในทุกๆด้านของเธอ
เธอรู้บ้างไหมนะ?
Since
I've been walking solo
Dreaming
you were back home
I
find getting down low
Hide
until tomorrow
ว่าตั้งแต่ฉันเดินคนเดียว
ก็เอาแต่ฝันให้เธอกลับมา
ฉันรู้สึกว่ามันชักจะแย่ไปกันใหญ่แล้ว
อยากจะซ่อนตัวจนกว่าจะถึงวันพรุ่งนี้
Come
back into the good life
Lose
these hazy love lies
I've
been chasing my mind
Lonely
in the cold nights
กลับมาสู่ชีวิตที่สดใส
ลบเอาความรักอันเลือนลางและจอมปลอมเหล่านั้นไป
ฉันพยายามเรียกสติกลับคืนมา
เพียงลำพังในคืนที่เหน็บหนาว
Cause
I'm kicking up stones without you
Can't
pick up the phone without you
I'm
a little bit lost without you
Without
you
เพราะว่ามันโคตรจะรู้สึกแย่ตอนที่ไม่มีเธอ
แม้แต่รับโทรศัพท์ยังทำไม่ได้
ฉันเสียศูนย์ไปนิดหน่อยตอนไม่มีเธอ
ไม่มีเธอ
And
I'm digging down holes without you
Can't
be on my own without you
I'm
a little bit lost without you
Without
you
ฉันจมจ่อมอยู่กับตัวเองตอนไม่มีเธอ
อยู่ไม่ได้ตอนไม่มีเธอ
ฉันเสียศูนย์ไปนิดหน่อยตอนไม่มีเธอ
ไม่มีเธอ
Step
out into the dark
Where
were you when I was trying
To
lift up, carry the love
Do
you know?
ก้าวเข้าไปในความมืด
เธออยู่ไหนกันตอนที่ฉันกำลังพยายาม
ทีจะยกและแบกความรักเอาไว้
เธอรู้รึเปล่า?
That
I've been closing my eyes
Love
me slow, hallucinating
Swinging
me all of your light
Do
you know?
ว่าฉันเคยหลับตาลง
เห็นภาพหลอนว่าเธอค่อยๆรักฉันทีละนิด
และพาฉันไปในแสงสว่างของเธอ
เธอรู้ไหมนะ?
Since
I've been walking solo
Dreaming
you were back home
I
find getting down low
Hide
until tomorrow
ตั้งแต่ฉันเดินเพียงลำพัง
ฉันก็เฝ้าฝันให้เธอกลับมา
แล้วก็พบว่ามันชักจะแย่ลงเรื่อยๆ
จนอยากจะซ่อนตัวรอวันใหม่มาถึง
Come
back into the good life
Lose
these hazy love lies
I've
been chasing my mind
Lonely
in the cold nights
กลับมาใช้ชีวิตที่ดี
ทิ้งเอาความรักจอมปลอมนั่นไป
ฉันพยายามเรียกสติกลับคืนมา
เพียงลำพังในคืนที่หนาวเหน็บ
Cause
I'm kicking up stones without you
Can't
pick up the phone without you
I'm
a little bit lost without you
Without
you
เพราะว่าไม่มีเธอแล้วฉันก็หงุดหงิด
ไม่มีเธอแล้วแม้แต่รับโทรศัพท์ยังทำไม่ได้
ฉันเสียศูนย์ไปนิดหน่อยตอนไม่มีเธอ
ไม่มีเธอ
And
I'm digging down holes without you
Can't
be on my own without you
I'm
a little bit lost without you
Without
you
ฉันจมจ่อมอยู่กับตัวเองตอนไม่มีเธอ
ใช้ชีวิตด้วยตัวเองไม่ได้ตอนไม่มีเธอ
ฉันเสียศูนย์ไปนิดหน่อยตอนไม่มีเธอ
ไม่มีเธอ
Hold
me close when it's over
Life
goes slow loving sober
Feel
my bones getting older
Sadness
grows when you're cold
กอดฉันไว้ตอนที่เราเลิกกัน
ชีวิตผ่านไปอย่างเชื่องช้าตอนที่ความรักจางไป
รู้สึกแก่ขึ้นมาซะอย่างนั้น
ความเศร้าโศกเพิ่มมากขึ้นเมื่อเธอเย็นชา
Cause
I am one step heavy and two steps high
Hold
it steady with you by my side
One
step heavy and two steps high
Two
steps high
เพราะว่าฉันก้าวไปอย่างยากลำบากและก้าวไปได้สูงขึ้น
ยึดเอาไว้มั่นเพราะเธออยู่ข้างกัน
ก้าวแรกมันยาก
ก้าวที่สองสูงขึ้น
ก้าวสูงขึ้นไปอีก
Cause
I'm kicking up stones without you
Can't
pick up the phone without you
I'm
a little bit lost without you
เพราะว่ามันโคตรจะรู้สึกแย่ตอนที่ไม่มีเธอ
แม้แต่รับโทรศัพท์ยังทำไม่ได้
ฉันเสียศูนย์ไปนิดหน่อยตอนไม่มีเธอ
ไม่มีเธอ
And
I'm digging down holes without you
Can't
be on my own without you
I'm
a little bit lost without you
Without
you
ฉันจมจ่อมอยู่กับตัวเองตอนไม่มีเธอ
ใช้ชีวิตด้วยตัวเองไม่ได้ตอนไม่มีเธอ
ฉันเสียศูนย์ไปนิดหน่อยตอนไม่มีเธอ
ไม่มีเธอ
Without
you
Without
you
I'm
a little bit lost without you
Without
you
ไม่มีเธอ
ไม่มีเธอ
ฉันเสียศูนย์ไปนิดหน่อยตอนไม่มีเธอ
ไม่มีเธอ
And
I'm digging down holes without you
Can't
be on my own without you
I'm
a little bit lost without you
Without
you
ฉันเหมือนขุดหลุมฝังตัวเองตอนไม่มีเธอ
ใช้ชีวิตด้วยตัวเองไม่ได้ตอนไม่มีเธอ
ฉันเสียศูนย์ไปนิดหน่อยตอนไม่มีเธอ
ไม่มีเธอ
บอกได้คำเดียวว่าแม่งซ่อนรูป 5555555 ทำนองมันหลอกค่ะ
จริงๆแอบแฝงนัยยะไว้เยอะเลย
เพลงจะพูดถึงคนรักที่เลิกรากันไป ตอนแรกก็ยังเป็นโลกสดใส (sun,radiate) ซึ่งกลางวันหมายถึงพลังงานและการเปิดเผยความสัมพันธ์ด้วยค่ะ ท่อนแรกก็เลยเหมือนคนที่จู่ๆก็ก้าวออกมาเปิดเผยความสัมพันธ์ของตัวเองเพื่อรักษาเอาความสัมพันธ์ที่ยังเหลืออยู่ไว้ การที่เราจะLift up คือของมันต้องอยู่กับพื้น หรือแปลอีกอย่างว่าโดนทิ้ง แล้วก็ต้องแบก carry the love คือถ้ามันถึงขั้นแบกก็แสดงว่ามันต้องหนักและดูให้ความรู้สึกเชิงลบอยู่เหมือนกันค่ะ แล้วนางก็เริ่มตัดพ้อว่านี่รู้ไหมว่าสติหลุดไปเลยนะตอนเลิกกันอ่ะ ชีวิตก็ผ่านไปช้าจ๊นนน แต่มันช้าก็เพราะรอแกกลับมานั่นแหละ กลับมาTo swing me all of your line (ตอนฟังอินเนอร์มันออกมาว่าเหวี่ยงฉันไปรอบๆเธอ เหมือนเพลงเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธออ่ะค่ะ คืออยากจะกลับไปอยู่ในวงโคจรของเธอ >> อยู่กับเธอ นั่นแหละ) แต่คำว่าline ก็แปลได้อีกอันที่น่าสนใจคือ เส้นแบ่งเขตความเป็นส่วนตัวค่ะ ถ้ารอแล้วจะได้เข้าไปเขต(พื้นที่ในใจ)เธอนี่ก็ยังรออย่างมีความหวังอยู่นะ เพราะตั้งแต่กลับมาอยู่คนเดียวก็เอาแต่คิดถึงคนที่จากไปจนไม่อยากจะทำอะไรนอกจากรอวันใหม่เพราะคิดว่าเขาจะมา แม้จะพยายามกลับมาใช้ชีวิตปกติ พยายามลืมความรักที่จบไปแล้ว พยายามเรียกสติตัวเองกลับมาทั้งๆที่มันแสนอ้างว้างและเจ็บปวด เพราะการที่เธอไม่อยู่นี่มันโคตรจะรู้สึกแย่ เคยเห็นในหนังหรือเอ็มวีไหมคะ ที่เศร้าหรือโกรธแล้วเริ่มเตะหมา ปาขยะ แตะขวดน้ำ แตะตู้ โต๊ะ ตั่ง เตียง ลูกบอล กระป๋อง กระดาษ บลาๆระบายอารมณ์ นี่แหละ ไอ้I'm kicking up stones ของเพลงนี้นี่ประมาณนี้เลย ส่วนการรับโทรศัพท์ไม่ได้นี่ก็มีสองอย่างที่น่าสนใจนะคะคือถ้าไม่หมดอาลัยตายอยากจนไม่อยากจะขยับตัวเตรียมจะเป็นง่อยแล้วเนี่ย อีกอย่างก็คือไม่อยากคุยกับใครเลย (ก็มีคนโทรมาก็ต้องคุยเนอะ) ขี้เกียจพูด ขี้เกียจอธิบาย ขี้เกียจตอบคำถาม ซึ่งการที่เลิกกันไปนี่ก็ทำให้คนร้องนี่เสียศูนย์นิดหน่อย...(หรอวะ จริงๆอาการขนาดนี้นี่ควรใช้คำว่าpretty ละ ไม่ใช่ a little bit)
เพลงจะพูดถึงคนรักที่เลิกรากันไป ตอนแรกก็ยังเป็นโลกสดใส (sun,radiate) ซึ่งกลางวันหมายถึงพลังงานและการเปิดเผยความสัมพันธ์ด้วยค่ะ ท่อนแรกก็เลยเหมือนคนที่จู่ๆก็ก้าวออกมาเปิดเผยความสัมพันธ์ของตัวเองเพื่อรักษาเอาความสัมพันธ์ที่ยังเหลืออยู่ไว้ การที่เราจะLift up คือของมันต้องอยู่กับพื้น หรือแปลอีกอย่างว่าโดนทิ้ง แล้วก็ต้องแบก carry the love คือถ้ามันถึงขั้นแบกก็แสดงว่ามันต้องหนักและดูให้ความรู้สึกเชิงลบอยู่เหมือนกันค่ะ แล้วนางก็เริ่มตัดพ้อว่านี่รู้ไหมว่าสติหลุดไปเลยนะตอนเลิกกันอ่ะ ชีวิตก็ผ่านไปช้าจ๊นนน แต่มันช้าก็เพราะรอแกกลับมานั่นแหละ กลับมาTo swing me all of your line (ตอนฟังอินเนอร์มันออกมาว่าเหวี่ยงฉันไปรอบๆเธอ เหมือนเพลงเธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธออ่ะค่ะ คืออยากจะกลับไปอยู่ในวงโคจรของเธอ >> อยู่กับเธอ นั่นแหละ) แต่คำว่าline ก็แปลได้อีกอันที่น่าสนใจคือ เส้นแบ่งเขตความเป็นส่วนตัวค่ะ ถ้ารอแล้วจะได้เข้าไปเขต(พื้นที่ในใจ)เธอนี่ก็ยังรออย่างมีความหวังอยู่นะ เพราะตั้งแต่กลับมาอยู่คนเดียวก็เอาแต่คิดถึงคนที่จากไปจนไม่อยากจะทำอะไรนอกจากรอวันใหม่เพราะคิดว่าเขาจะมา แม้จะพยายามกลับมาใช้ชีวิตปกติ พยายามลืมความรักที่จบไปแล้ว พยายามเรียกสติตัวเองกลับมาทั้งๆที่มันแสนอ้างว้างและเจ็บปวด เพราะการที่เธอไม่อยู่นี่มันโคตรจะรู้สึกแย่ เคยเห็นในหนังหรือเอ็มวีไหมคะ ที่เศร้าหรือโกรธแล้วเริ่มเตะหมา ปาขยะ แตะขวดน้ำ แตะตู้ โต๊ะ ตั่ง เตียง ลูกบอล กระป๋อง กระดาษ บลาๆระบายอารมณ์ นี่แหละ ไอ้I'm kicking up stones ของเพลงนี้นี่ประมาณนี้เลย ส่วนการรับโทรศัพท์ไม่ได้นี่ก็มีสองอย่างที่น่าสนใจนะคะคือถ้าไม่หมดอาลัยตายอยากจนไม่อยากจะขยับตัวเตรียมจะเป็นง่อยแล้วเนี่ย อีกอย่างก็คือไม่อยากคุยกับใครเลย (ก็มีคนโทรมาก็ต้องคุยเนอะ) ขี้เกียจพูด ขี้เกียจอธิบาย ขี้เกียจตอบคำถาม ซึ่งการที่เลิกกันไปนี่ก็ทำให้คนร้องนี่เสียศูนย์นิดหน่อย...(หรอวะ จริงๆอาการขนาดนี้นี่ควรใช้คำว่าpretty ละ ไม่ใช่ a little bit)
ส่วนการขุดหลุมก็แปลได้สองอย่างค่ะ
คือเวลาเราเศร้าแล้วเราก็จะจมอยู่กับความคิดตัวเองลึกลงไปเรื่อยๆ
หรือว่าจะแปลว่าขุดหลุมฝังตัวเองก็ได้ (นึกเอาแต่เรื่องเก่าๆมาสิงตัวเอง
เอาความทรงจำเดิมๆมาฝังกลบตัวเองเอาไว้ พอนึกภาพออกไหมคะ
สมมติว่าความทรงจำเราเป็นพื้นดิน พอเราเริ่มเศร้าเราก็จะนึกเรื่องเก่าๆ
เปรียบได้กบการขุด เราก็ขุดเอาความทรงจำนั้นมาโกยใส่ตัวเอง
เพราะการเอาแต่นึกถึงความทรงจำแปลว่าปัจจุบันมันไม่มีแล้ว
ก็เลยเหมือนขุดหลุมฝังตัวเองไปกลายๆค่ะ) แล้วพอเศร้านี่มันก็ไม่เป็นอันทำอะไร
เอาแต่คิดถึงคนที่จากไปจนคิดว่าถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกันนี่อยู่ไม่ได้แน่ๆ
(ก่อนหน้าจะมีแฟนก็อยู่ได้นี่หว่า...)
แล้วนางก็เริ่มตัดพ้ออีกว่า นี่นะ เคยหลับตานึกหลอนไปเองว่าเธอค่อยๆรักฉัน
แล้วก็พาฉันไปพบแต่สิ่งที่สดใส (Swinging me all of your
light) เช่น รอยยิ้มของเธอ ด้านดีๆของเธอ บลาๆๆ
ส่วนท่อนไม่ซ้ำประจำเพลงก็คือ(ไม่รู้หรอกว่ามันเรียกว่าอะไร
รู้แค่ว่ามันไม่ซ้ำอ่ะ) คือนางอยากให้จากกันด้วยดี ด้วยรักและอาลัย
พอความรักจางหายไปชีวิตก็ดูเอื่อยเฉื่อย (ความรักเหมือนยาชูกำลัง)
แล้วก็รู้สึกหมดแรงหมดพลังเหมือนคนแก่ขึ้นมาซะงั้น (มีความรักแล้วกระชุ่มกระชวย)
หรือไม่อีกอย่างคือ การที่รู้สึกแก่หมายถึงรู้สึกมีประสบการณ์ เช่นว่า
รอบหน้ากูไม่พลาดแน่ วะ ฮ่าๆๆๆๆ อะไรทำนองนั้น
แต่พอเลิกไปแล้วอีกฝ่ายมาทำหมางเมินเย็นชาใส่มันก็ดั๊นเจ็บหนักไปอีก
ส่วนท่อนที่ว่าด้วยการก้าวนี่แปลความได้หลายอย่างดีค่ะ
จะแปลว่าผ่านขั้นแรก(ก้าวแรก) มาแบบหนักแน่น (หนัก > ยาก เหมือนยกweightอ่ะค่ะ หนักมากก็ไม่มีปัญญายก)
แต่ถ้ายังไงก็ยังรักอีคนนั้น(Hold it steady)ที่มันเลิกกับเราอยู่นั่นแหละ ซึ่งไอ้การที่ with
you by my side นี่ไม่รู้ว่าเข้าข้างความคิดตัวเอง มโน
หรือเป็นภาพในใจ หรือว่าคนรักเก่าให้กำลังใจว่ามึงช่วยๆลืมกูไปทีต่ะ ยากหรอ
มาช่วยๆ ก็เลยเป็นที่มาของก้าวแรกที่มันหนัก แต่ก้าวสองมันสูงขึ้น
ก็คือลืมได้นั่นแหละ มันก็เลยเบา พอไม่มีอะไรหนักใจก็ก้าวไปได้ไกลขึ้น ขอบอกเลยว่าท่อนท้ายนี้โคตรไม่มั่นใจ 5555
ใครมีความเห็นยังไงแชร์กันได้ค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น