แปลไทยแบบกันเอง : The Chainsmokers & Coldplay - Something Just Like This
I've
been reading books of old
The
legends and the myths
Achilles
and his gold
Hercules
and his gifts
Spiderman's
control
And
Batman with his fists
And
clearly I don't see myself upon that list
ฉันเคยอ่านหนังสือเก่าๆ
ที่บอกเล่าตำนานและนิยายปรัมปรา
อคิลลีสกับทองของเขา
เฮอคิวลิสกับพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่
ความสามารถของสไปเดอร์แมน
แล้วก็แบทแมนกับหมัด(กำปั้น)ของเขา
นั่นมันก็ชัดเจนเลยว่าฉันไม่ได้ใกล้เคียงกับอะไรที่ได้กล่าวมาเลย
But
she said, where d'you wanna go?
How
much you wanna risk?
I'm
not looking for somebody
With
some superhuman gifts
Some
superhero
Some
fairytale bliss
Just
something I can turn to
Somebody
I can kiss
แต่แล้วเธอก็พูดว่า
"เธอจะเอาพลังไปไหนล่ะ?
เธออยากจะเสี่ยงมากแค่ไหนกัน?
ฉันไม่ได้มองหาใครบางคน
ที่มีพลังเหนือมนุษย์หรอกนะ
ไม่ว่าจะเป็นยอดมนุษย์
หรือความสุขชั่วนิรันดร์แบบในเทพนิยาย
ก็แค่เปลี่ยนเป็นใครสักคน
ที่ฉันสามารถจุมพิตได้ก็พอ"
I
want something just like this
Doo-doo-doo,
doo-doo-doo
Doo-doo-doo,
doo-doo
Doo-doo-doo,
doo-doo-doo
"ฉันอยากได้อะไรแบบนั้นแหละ"
Oh,
I want something just like this
Doo-doo-doo,
doo-doo-doo
Doo-doo-doo,
doo-doo
Doo-doo-doo,
doo-doo-doo
"ฉันอยากได้อะไรแบบนั้นนั่นแหละ"
Oh,
I want something just like this
I
want something just like this
"ฉันอยากได้อะไรแค่นี้เองแหละ"
I've
been reading books of old
The
legends and the myths
The
testaments they told
The
moon and its eclipse
And
Superman unrolls
A
suit before he lifts
But
I'm not the kind of person that it fits
ฉันเคยอ่านหนังสือเก่าๆ
ที่เล่าถึงตำนานและเทพเทพปกรณัม
คัมภีร์พันธสัญญาที่เล่าขาน
เรื่องราวของพระจันทร์ที่เกิดจันทรคราส
และได้อ่านเรื่องของการปรากฏตัวของซุปเปอร์แมน
เรื่องราวก่อนที่เขาจะบินได้
แต่ว่าฉันก็ไม่ได้ใกล้กับบุคคลเหล่านั้นเลย
She
said, where d'you wanna go?
How
much you wanna risk?
I'm
not looking for somebody
With
some superhuman gifts
Some
superhero
Some
fairytale bliss
Just
something I can turn to
Somebody
I can miss
แต่แล้วเธอก็พูดว่า
"เธอจะเอาพลังไปไหนล่ะ?
เธออยากจะเสี่ยงมากแค่ไหนกัน?
ฉันไม่ได้มองหาใครบางคน
ที่มีพลังเหนือมนุษย์หรอกนะ
ไม่ว่าจะเป็นยอดมนุษย์
หรือความสุขชั่วนิรันดร์แบบในเทพนิยาย
ก็แค่เปลี่ยนเป็นใครสักคน
ที่ฉันสามารถคิดถึงได้ก็พอ"
I
want something just like this
I
want something just like this
"ฉันอยากได้อะไรแบบนั้นแหละ
ฉันอยากได้อะไรแค่นั้นแหละ"
Oh,
I want something just like this
Doo-doo-doo,
doo-doo-doo
Doo-doo-doo,
doo-doo
Doo-doo-doo,
doo-doo-doo
"ฉันอยากได้อะไรแบบนั้นแหละ"
Oh,
I want something just like this
Doo-doo-doo,
doo-doo-doo
Doo-doo-doo,
doo-doo
Doo-doo-doo,
doo-doo-doo
"ฉันอยากได้อะไรแบบนั้นแหละ"
Where
d'you wanna go?
How
much you wanna risk?
I'm
not looking for somebody
With
some superhuman gifts
Some
superhero
Some
fairytale bliss
Just
something I can turn to
Somebody
I can kiss
I
want something just like this
เธอจะเอาพลังไปไหนล่ะ?
เธออยากจะเสี่ยงมากแค่ไหนกัน?
ฉันไม่ได้มองหาใครบางคน
ที่มีพลังเหนือมนุษย์หรอกนะ
ไม่ว่าจะเป็นยอดมนุษย์
หรือความสุขชั่วนิรันดร์แบบในเทพนิยาย
ก็แค่เปลี่ยนเป็นใครสักคน
ที่ฉันสามารถจูบได้ก็พอ
ฉันอยากได้อะไรประมาณนี้แหละ
Oh,
I want something just like this
Oh,
I want something just like this
Oh,
I want something just like this
Oh,
I want something just like this
"ฉันอยากได้อะไรแค่นี้เองแหละ"
ปล.คำแปลบางส่วนดัดแปลงเพื่ออรรถรส คือคำว่า this
ซึ่งแปลว่า นี้ แต่เราจะใส่ว่า นั้น ไปด้วยเพราะเรารู้สึกว่ามันได้อารมณ์คนคุยกันมากกว่า
เป็นเพลงฟีลกู้ดที่ได้ฟังตอนทำงานเพลินๆแล้วสะดุดจนต้องมาตั้งใจฟังพร้อมกับดูMVแล้วก็พบว่าฉันเศร้า... (อีบ้า 5555) ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมฟังเพลงของ Coldplay ทีไรมันต้องมีความเศร้า ความหม่นเจือมาในอารมณ์เพลงทุกที เพราะจริงๆเพลงนี้เป็นเพลงฟีลกู้ดมากๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยนะคะ มันดีต่อความรู้สึกจนยอมหยุดงานที่กองไว้มาแปลเพลงนี้ลงบล็อกเลยอ่ะ 5555
เพลงต้องการให้เราพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ผ่านคุณแฟน (...อ่อ รู้แล้วที่เศร้าเพราะไม่มีแฟนนี่เอง ถรุ๊ยย ไม่ใช่ค่ะ 555) จริงๆ She ในเพลงนี้ไม่ต้องเป็นแฟนก็ได้ เป็นใครก็ได้ที่เรารู้สึกดีด้วย จะญาติก็ได้ พ่อแม่ก็ดี เขารักเรา เรารักเขา หรือเรารักกันได้ก็จะดีค่ะ (ส่วน kiss นี่ไม่ต้องกังวล เพราะมันจูบได้หมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่จำเป็นต้องจูบปากหรอกเนอะ) เพราะฉะนั้นเพลงนี้ก็เป็นเพลงให้กำลังใจดีๆว่าเธอไม่ต้องเป็นอะไรยิ่งใหญ่มากหรอก แค่เป็นคนที่จับต้องได้และมีตัวตนจริงๆอยู่ข้างๆกันก็พอ ซึ่งถ้ามีใครมาพูดอย่างนี้คนส่วนใหญ่ก็คงต้องดีใจแน่ๆเลย โดยเฉพาะในเวลาที่เรากำลังเผชิญความยากลำบาก อยากเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ทำได้ยาก หรืออยากจะได้-อยากจะเป็นบางอย่าง เราก็คงมีกำลังใจขึ้นมาบ้างว่า เอาวะ! ถึงจะเฟลแต่ก็ยังมีคนโอเคกับเราแหละ หรือบางคนอาจจะเลิกฝืนทำ เลิกดูถูกตัวเองไปเลยก็ได้แล้วแต่เคส ซึ่งนั่นแหละค่ะเป็นเหตุผลที่เราฟังแล้วเศร้า แต่เป็นเศร้าปนสุขนะ เพราะมันฟังดูเหมือนฉากในนิยายหรือละครที่จะต้องมีใครสักคนตายหรือว่ามีจุดเปลี่ยนผ่านในชีวิตแน่ๆเลยล่ะ
ส่วนเรื่องประเด็นว่าทำไมคนเราต้องขอใครสักคนที่จับต้องได้ กำลังชั่งใจว่าจะเขียนไว้ในนี้ดีหรือว่ายกยอด แยกไปเป็นอีกอันนึงดี เพราะถ้าเริ่มเขียนแบบจริงจังมันจะต้องยาวแล้วก็มีการวิเคราะห์ในเชิงวิชาการเยอะ แล้วก็มีอิงกับสภาพสังคม (เป็นfetishส่วนตัวในการพูดถึงเรื่องจิตวิทยาค่ะ คือมันชอบแล้วก็อยากทำให้ดีอ่ะ 555)....ซึ่งนั่นก็จะหนักไปทำหรับการแปลเนื้อหาแค่เพลง สรุปคือถ้าว่าง (ซึ่งก็น่าจะอีกนานแสนนาน) ก็จะทำเป็นอีกหมวดนึงเสริมนอกจากแปลเพลง eng กับ fr (ที่ดองไว้สามชาติกว่าแล้ว) เป็นบทความที่หนักไปในทางการวิเคราะห์อะไรจริงๆจังๆไปเลย
เพลงต้องการให้เราพอใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ผ่านคุณแฟน (...อ่อ รู้แล้วที่เศร้าเพราะไม่มีแฟนนี่เอง ถรุ๊ยย ไม่ใช่ค่ะ 555) จริงๆ She ในเพลงนี้ไม่ต้องเป็นแฟนก็ได้ เป็นใครก็ได้ที่เรารู้สึกดีด้วย จะญาติก็ได้ พ่อแม่ก็ดี เขารักเรา เรารักเขา หรือเรารักกันได้ก็จะดีค่ะ (ส่วน kiss นี่ไม่ต้องกังวล เพราะมันจูบได้หมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่จำเป็นต้องจูบปากหรอกเนอะ) เพราะฉะนั้นเพลงนี้ก็เป็นเพลงให้กำลังใจดีๆว่าเธอไม่ต้องเป็นอะไรยิ่งใหญ่มากหรอก แค่เป็นคนที่จับต้องได้และมีตัวตนจริงๆอยู่ข้างๆกันก็พอ ซึ่งถ้ามีใครมาพูดอย่างนี้คนส่วนใหญ่ก็คงต้องดีใจแน่ๆเลย โดยเฉพาะในเวลาที่เรากำลังเผชิญความยากลำบาก อยากเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ทำได้ยาก หรืออยากจะได้-อยากจะเป็นบางอย่าง เราก็คงมีกำลังใจขึ้นมาบ้างว่า เอาวะ! ถึงจะเฟลแต่ก็ยังมีคนโอเคกับเราแหละ หรือบางคนอาจจะเลิกฝืนทำ เลิกดูถูกตัวเองไปเลยก็ได้แล้วแต่เคส ซึ่งนั่นแหละค่ะเป็นเหตุผลที่เราฟังแล้วเศร้า แต่เป็นเศร้าปนสุขนะ เพราะมันฟังดูเหมือนฉากในนิยายหรือละครที่จะต้องมีใครสักคนตายหรือว่ามีจุดเปลี่ยนผ่านในชีวิตแน่ๆเลยล่ะ
ส่วนเรื่องประเด็นว่าทำไมคนเราต้องขอใครสักคนที่จับต้องได้ กำลังชั่งใจว่าจะเขียนไว้ในนี้ดีหรือว่ายกยอด แยกไปเป็นอีกอันนึงดี เพราะถ้าเริ่มเขียนแบบจริงจังมันจะต้องยาวแล้วก็มีการวิเคราะห์ในเชิงวิชาการเยอะ แล้วก็มีอิงกับสภาพสังคม (เป็นfetishส่วนตัวในการพูดถึงเรื่องจิตวิทยาค่ะ คือมันชอบแล้วก็อยากทำให้ดีอ่ะ 555)....ซึ่งนั่นก็จะหนักไปทำหรับการแปลเนื้อหาแค่เพลง สรุปคือถ้าว่าง (ซึ่งก็น่าจะอีกนานแสนนาน) ก็จะทำเป็นอีกหมวดนึงเสริมนอกจากแปลเพลง eng กับ fr (ที่ดองไว้สามชาติกว่าแล้ว) เป็นบทความที่หนักไปในทางการวิเคราะห์อะไรจริงๆจังๆไปเลย
กลับมาที่เพลง เพลงนี้ศัพท์ไม่ยากมาก
และส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทั่วๆไปเราก็เข้าใจกันดีอยู่แล้ว มีที่เราถอดความใส่ไปในเนื้อเพลงแล้วนิดหน่อยคือ....
Some fairytale bliss : เราแปลไปว่าความสุขชั่วนิรันดร์ เพราะเทพนิยาย (โดยเฉพาะพวกหลอกเด็ก เอ้ย
สำหรับเด็ก) จะลงท้ายในตอนจบว่า
แล้วพวกเขาก็มีความสุข(หรือครองรัก)กันตราบนานเท่านาน นั่นเอง
*bliss แปลว่าความสุขค่ะ
แต่ทำให้นึกถึงรูปวอลเปเปอร์สมัยwindow 95 98 xp เลยอ่ะที่เป็นรูปทุ่งหญ้าเขียวๆกับท้องฟ้าสดใส
(สถานที่นั้นมีอยู่จริงที่สหรัฐ แต่ตอนนี้เป็นทุ่งข้าวโพดน้ำตาลแห้งๆ เซ็งๆไปละ)
อีรูปนั้นก็ชื่อ Bliss ค่ะ
อีกท่อนนึงคือ And Superman unrolls : พอพูดถึงอันโรลให้นึกถึงการที่เรา
un อะไรสักอย่างที่เป็นroll (ได้ตั้งแต่สลัดม้วน ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน
ยันซูชิ) ค่ะ มันแปลว่าคลี่คลาย แผ่ออก หรือเผยตัวออกมานั่นเอง
ก็เลยเลือกแปลอันสุดท้าย
เพราะซุปเปอร์แมนคงไม่คลี่ผ้าคลุมออกมาเพื่อเปิดท้ายขายของตามตลาดนัดแน่ๆ
ส่วน A suit before he lifts : ถ้าแปลตรงๆคือชุดก่อนที่เขาจะยก
ซึ่งมัน....อืม....นะ เอาเป็นว่าใครเคยดูซุปเปอร์แมน หรือเคยดูtrailerมาบ้าง
หรือไม่เคยดูอย่างเราเลยนี่ก็ต้องรู้ลักษณะคร่าวๆของพ่อหนุ่มกางเกงในแดงคนนี้บ้างล่ะ
คือเขาก็เคยเป็นคนธรรมดามาก่อนที่จะลอย (lifts) ได้
ซึ่งอีกตอนลอยได้ก็จะเป็นชุดน้ำเงินผ้าคุมแดง และกางเกงในใส่ข้างนอกสีแดง
เราก็เลยถอดความออกมาว่า บทบาทก่อนที่เขาจะเป็นซุปเปอร์แมนนั่นเอง
(ก็คือก่อนจะเป็นยอดคนมึงก็เคยเป็นคนธรรมดามาเหมือนๆกันนั่นแหละ
แม้ในเคสของพี่ซุปจะเป็นคนธรรมดาเพราะว่านางไม่รู้ว่าตัวเองมีพลังก็เหอะ)
ส่วนเรื่องจันทรคราสในพันธสัญญา...ไปหาอ่านกันเองนะคะง่วงแล้ว
(ทิ้งกันดื้อๆเลย 5555)
อีกอันที่โผล่มาอันแรกสุดเลยแต่เราดองไว้พูดถึงสุดท้ายคือ
อคีลลิสกับทอง
คือตอนแรกอ่านก็งงเพราะตำนานอคีลลิสคือคนที่มีจุดอ่อนที่ข้อเท้าในเรื่องสงครามเมืองทรอยอ่ะ
ซึ่งก็ไม่เห็นจะจำได้เลยว่าแม่งมีทองมาเกี่ยวตอนไหนวะ ตอนชุดตัวก็ชุบในแม่น้ำสติ๊ก
แม่น้ำแห่งความตายนี่หว่า ก็เลยไปหาอ่านได้ความมาสองอย่าง
อันแรกมาจากมหากาพย์อีเลียดของโฮเมอร์เล่มที่23 ได้ความว่า
"Zeus places Hector's and
Achilles' respective fates on a golden scale"
"
ซุสได้วางชะตาชีวิตของเฮ็คเตอร์และอคีลลิสตามลำดับ ลงบนตาชั่งทองคำ"
คือเรื่องก่อนหน้านี้มันมีอยู่ว่าเฮ็คเตอร์มาดักรออคีลลิสที่เพิ่งกลับมาจากไล่ตามอะพอลโล
แล้วก็ไปมั่นหน้ามาจากไหนไม่รู้มาท้าสู้กันกับอคิลลิสไม่ยอมเจรจา.... ค่ะ
สุดท้ายคือเหนื่อยเพราะว่าวิ่งตามอคีลลิสรอบเมืองสามรอบแล้วก็ไม่มีปัญญาจะจับ
ซุสก็อยากจะช่วยแฮ็คเตอร์ไง แต่อาเทน่าบอกว่า อย่าเลยพ่อท่าน
ช่วงเวลาแห่งความตายของเขาได้มาถึงแล้ว (ซัพนรก : เดี๋ยวไอ้กร๊วกนี่แม่งก็ตายห่านแล้ว ไม่ต้องไปช่วยหรอก เสียชื่อ เสียมือเทพหมด วู้วว)
ซุสก็เลยเอาชะตาของทั้งสองคนไปชั่งบนตาชั่งทองคำโดยเรียงตามลำดับคือชั่งของแฮ็คเตอร์ก่อนแล้วตามด้วยอคิลลิส
(แหม่ ลำเอียงจริง คือเหมือนมีความหวังเล็กๆให้อ่ะ
อารมณ์แบบคนขึ้นลิฟท์ทีหลังมีโอกาสที่ลิฟท์จะดังโวยวายว่าน้ำหนักเกินมากกว่า แล้วคุณก็ต้องเดินออกจากลิฟท์ไปไง...)
ซึ่งแน่นอนว่าตาชั่งไม่ใช่เทพ ไม่ลำเอียง
ชะตากรรมของแฮ็คเตอร์ที่กำลังจะถึงฆาตก็หนักกว่าจนถ่วงจานลงมาตามระเบียบ
(ใครสนใจไปหาอ่านต่อกันเองนะ 555) ซึ่ง....แม่งก็ไม่ได้ตอบโจทย์ไงว่าทองมันเกี่ยวอะไรกับอคิลลิสวะ
ก็เลยไปเจออีกอันนึง
Bk XXIV:1-76 The gods argue over the treatment of Hector’s body หรือฉบับไทยคือ
อีเลียดเล่มที่24 หน้า1-76 ตอน
การตกลงของเทพเจ้าเกี่ยวกับการคงสภาพร่างกายของเฮ็คเตอร์เอาไว้... (จะทำมัมมี่หรอ?
5555) ได้ความว่า
"Yet Apollo kept the flesh from
being spoiled, pitying the warrior even in death, and he covered the body with
his golden aegis so that Achilles could not damage the skin as he dragged the
corpse along."
"ขณะเดียวกัน อะพอลโลก็รักษาร่างกาย(ของแฮ็คเตอร์)ไม่ให้เน่าสลาย
นักรบผู้น่าสงสารแม้กระทั่งยามสิ้นชีพไปแล้ว
เขาอาบร่างนั้นด้วยลำแสงสีทองแห่งการคุ้มครอง (เชื่อว่าเป็นพลังจากพระอาทิตย์
ซัมติงๆ) เพื่อที่ว่าอคีลลิสจะได้ไม่ทำลายร่างของแฮ็คเตอร์ในตอนที่ลากศพไปรอบเมืองไปได้มากกว่านี้"
เรื่องก่อนหน้านี้คือหลังจากฆ่าแฮ็คเตอร์ได้
อคีลลิสก็ล้างแค้นให้เพื่อนรักของตัวเองที่ถูกแฮ็คเตอร์ฆ่าตายด้วยการผูกศพโยงไว้กับรถม้า
แล้วลากไปรอบเมืองให้มันโดนนู่น กระแทกนี่ เอาหน้าจุ่มฝุ่นกันไป แล้วช่วงที่นางพักเหนื่อย อะพอลโลก็แอบมาแบ่งพลังเคลือบ/อาบร่างของแฮ็ตเตอร์ไว้ไม่ให้เป็นอันตรายไปมากกว่านี้ จากนั้นพออคิลลิสรู้เข้าก็โกรธว่าเฮ้ย นี่จะแก้แค้นก็ยังทำไม่ได้
ขนาดตายยังมีคนมาปกป้องอีก น่าหมั่นไส้จริมๆ....
พอแค่นี้ ที่เหลือไปหาอ่านต่อเอง 5555
สรุป
ก็หาไม่เจอว่าทองของอคิลลีสคืออะไรอยู่ดี
ใครเคยอ่านฉบับเต็มอย่างละเอียดหรือเข้าใจก็มาแชร์กันได้นะคะ
ส่วนMV งานดี เข้าใจง่าย ไม่อธิบายอะไรแล้วกันค่ะ ^^
ส่วนMV งานดี เข้าใจง่าย ไม่อธิบายอะไรแล้วกันค่ะ ^^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น