แปลไทยแบบกันเอง : José González - Stay Alive



There's a rhythm in rush these days
Where the lights don't move and the colors don't fade
Leaves you empty with nothing but dreams
In a world gone shallow
In a world gone lean

ยุคปัจจุบันขับกล่อมท่วงทำนองแห่งความเร่งรีบ
ยุคที่แสงไม่เคยจากไปและสีสันไม่จางหาย
มันทำให้เธอทิ้งทุกอย่างไป เหลือไว้เพียงความฝัน
ในโลกที่ตื้นเขิน
ในโลกที่เอียงกะเท่เร่นี้

Sometimes there's things a man cannot know
Gears won't turn and the leaves won't grow
There's no place to run and no gasoline
Engines won't turn and the train won't leave

บางครั้งมันก็มีสิ่งที่มนุษย์ไม่อาจรู้ได้
ฟันเฟืองจะไม่หมุน และใบไม้จะไม่ผลิ
ไม่มีที่ให้ไปต่อและไม่มีเชื้อเพลง
เครื่องยนต์จะไม่ทำงาน และรถไฟจะไม่ออกจากชานชาลา

I will stay with you tonight
Hold you close 'til the morning light
In the morning watch a new day rise
We'll do whatever just to stay alive
We'll do whatever just to stay alive

ฉันจะอยู่กับเธอในค่ำคืนนี้
กอดเธอไว้แนบแน่นจนกระทั่งรุ่งสาง
ในตอนเช้าขอให้เธอจ้องมองวันใหม่ที่ตื่นขึ้นมา
เราจะทำทุกอย่างขอเพียงให้มีชีวิตอยู่
จะทำอะไรก็ตามขอแค่ยังคงมีชีวิตอยู่

Well the way I feel is the way I write
It isn't like the thoughts of the man who lies
There is a truth and it's on our side
Dawn is coming
Open your eyes
Look into the sun as the new days rise

สิ่งที่ฉันรู้สึกคือสิ่งที่ฉันถ่ายทอดออกมา
มันไม่เหมือนความคิดของคนที่โกหก
ความจริงอยู่ข้างเรา
รุ่งอรุณกำลังมา
ลืมตาขึ้นเถอะ
มองไปยังตะวันขณะที่วันใหม่มาถึง

And I will wait for you tonight
You're here forever and you're by my side
I've been waiting all my life
To feel your heart as it's keeping time
We'll do whatever just to stay alive

และฉันจะรอเธอในค่ำคืนนี้
เธออยู่ตรงนี้มาตลอดและเธออยู่เคียงข้างฉัน
ฉันรอคอยมาตลอดชีวิตของฉัน
เพื่อสัมผัสถึงหัวใจของเธอที่เต้นอยู่
จะทำอะไรก็ได้ขอแค่ยังคงมีชีวิตอยู่

[3x]
Dawn is coming
Open your eyes

รุ่งอรุณกำลังมา
ลืมตาขึ้นเถอะ

Look into the sun as the new days rise

มองไปยังตะวันขณะที่วันใหม่มาถึงสิ

There's a rhythm in rush these days
Where the lights don't move and the colors don't fade
There is a truth and it's on our side
Dawn is coming
Open your eyes
Look into the sun as a new days rise

นี่คือท่วงทำนองในความเร่งรีบของทุกวันนี้
ยุคที่แสงไม่จากไปและสีสันไม่จางหาย
ความจริงอยู่เคียงข้างเรา
รุ่งอรุณมาถึงแล้ว
ลืมตาขึ้นเถอะ
มองไปยังดวงตะวันขณะที่วันใหม่มาถึงนี่สิ...


            เพลงเข้ากับหนังมากกกกกก เชื่อว่าคนที่ดูมิตตี้เกินครึ่งดูจบแล้วต้องฟังเพลงต่อ หรือหาเพลงมาจับจองเป็นเจ้าของ เพลงเสริมบรรยากาศหนังให้ไปสุดมากค่ะ ส่วนถ้าฟังเฉยๆก็จะนึกถึงตอนเราดูมิตตี้อยู่ สุดยอดมากๆ 555555 เราชอบหนังมากนะ ดูแล้วอยากจะลุกขึ้นไปทำอะไรสักอย่าง เช่นทำบล็อกนี้ไง 555
            เราตีความเพลงนี้อิงกับหนังนะคะ เพลงนี้เล่าเรื่องราวของวิถีชีวิตอันเร่งรีบในปัจจุบัน โดยเฉพาะชีวิตคนเมือง ที่ซึ่งแสงสีไม่เคยจากไป ในเพลงนี้จะขอให้เราทิ้งภาระหน้าที่ ทิ้งความกังวล ทิ้งงาน ทิ้งแม่งให้หมด! 5555 เอาแค่ความฝันติดตัวไปกับเรา แล้วออกเดินทาง ออกจากวิถีชีวิตที่ตื้นเขินและเอียงข้างที่เป็นอยู่นี้ : ความตื้นเขินในเพลงนี้คือวิถีชีวิตแบบบริโภคนอยมนี่แหละค่ะ ผู้ผลิตทำให้คุณคิดว่าคุณมีอะไร หรือเป็นอะไรด้วยการเสพสื่อ สิ่งของ หรือสิ่งต่างๆที่เขาสร้างขึ้นเพื่อให้คุณมีอัตลักษณ์ของตัวเอง เพื่อที่จะไม่ต้องถามตัวเองว่า ชีวิตนี้เกิดมาทำไม เราทำงานไปเพื่ออะไร ซื้อของไปเพื่ออะไร เสพไปเพื่ออะไร ทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่เปลือกนอก เพลงนี้เลยเปรียบเป็นความตื้นเขินค่ะ ส่วนความเอียงหมายถึงความไม่ยุติธรรม ความแตกต่าง ไม่เท่าเทียม)

            คนเราก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกอย่างหรอก ถ้าโลกที่เราอยู่มันหยุดนิ่งไปหมด ไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีกลไก ไม่มีเชื้อเพลิง ไม่มีรถโดยสาร และต้นไม่เติบโต : ท่อนนี้เราตีความได้หลายเลยค่ะ 1.เรื่องสภาวะความเป็นเมือง ถ้าความสะดวกสบายทุกอย่างหายไป แล้วต้นไม้อะไรก็ไม่มี(ในเมืองมักจะไม่ค่อยมีต้นไม้) คนในเมืองจะทำอย่างไร? พวกเขาคงจินตนาการกันไม่ออก 2.ถ้าโลกมันล่มสลาย ทุกอย่างที่เป็นอารยธรรมมนุษย์มันพังมันใช่ไม่ได้ ถ้ามันมีแต่ความว่างเปล่าจะเป็นยังไง (อันนี้ออกแล้วโลกร้อน ภัยพิบัติกวาดล้างนิดนึงนะคะ ใครนึกไม่ออกเราเห็นภาพของท่อนนี้เหมือนเรื่อง The walking deadค่ะ 5555) 3.ถ้ามนุษย์ไม่มีสิ่งสร้างพวกนั้นเลย มีแต่ตัว เราจะทำยังไง (อันนี้ออกแนวละทางโลกนิดนึงนะคะ ออกแนวเซน ธรรมชาติ ทำนองนั้น)

            คนร้อง(จะเปรียบเป็นอะไรตามสะดวกเลยนะคะ เป็นความฝัน ความหวัง คนรัก แล้วแต่ชอบเลย) จะอยู่กับเราจนเช้าอยู่แบบแนบชิดด้วย เพราะกอดไว้ทั้งคืน และพอตอนเช้ามาถึงเขาก็ขอให้เรามองมัน มองการเริ่มต้นใหม่ มองชีวิตที่ได้เริ่มขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอ : ท่อนนี้เราแปลอิงกับหนังนะคะ เพราะในหนังมิตตี้จะเหม่อตลอด หลุดตลอด เพราะชีวิตที่เขาใช้อยู่มันไม่ใช่เขาไงคะ มันไม่เหมือนการใช้ชีวิต มันเป็นการอยู่แบบล่องลอย ทำตามหน้าที่เหมือนเครื่องจักร ท่อนนี้เมื่อรวมกับหนังและบริบทแรกของเพลงแล้วก็เท่ากับบอกว่า ไม่ว่าความฝันของเธอที่เธอทำอยู่จะเป็นอะไร ทำไป แต่ขอให้เป็นการใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้จริงๆก็พอค่ะ

            ท่อนต่อมาจะบอกว่า เขาทำในสิ่งที่เขารู้สึก เขาไม่ได้หลอกตัวเอง นี่คือความจริง นี่คือตัวตน วันใหม่กำลังมาให้ลืมตาขึ้นดู ดูตะวันในวันใหม่นี้ : การให้ลืมตาดูหมายความว่าให้เราหลุดจากกรอบเดิมๆ ไม่มัวจมอยู่กับความคิดความเชื่อเดิมๆของตัวเอง ให้มองไปข้างหน้า มองดูการเริ่มต้นใหม่ ซึ่งพระอาทิตย์และวันใหม่นี่มีความหมายแฝงนะคะ ไม่ใช่แค่การเริ่มต้น แต่หมายถึงการเริ่มต้นมีได้ทุกวัน เพราะพระอาทิตย์ขึ้นทุกเช้า ถ้าตอนที่กำลังทำตามความฝันมันเหนื่อย มองดูพระอาทิตย์นี่สิ เอ็งยังเริ่มต้นใหม่ได้เหมือนมันนะเฮ้ย! ไม่ใช่แค่นั้น พระอาทิตย์ยังสื่อถึงพลังด้วยค่ะ พอมารวมกันแล้วก็เหมือนเขาบอกให้เราไปรับพลังมาเพื่อจะเริ่มต้นใหม่ในสิ่งที่เราต้องการนั้นเอง
           
            ท่อนต่อมาค่ะ คนร้องจะรอเรา ตอนนี้ใครเปรียบคนร้องไว้ว่าไงตีความไปตามนั้นเลยนะคะ ถ้าเปรียบเป็นความฝัน ความฝันที่เราปรารถนาก็จะมาบอกเราว่า มันจะรอเรา เพราะความฝันเป็นของเรามาตลอด และมันรอคอยเวลานี้มานานแล้วที่เราจะได้ทำตามที่เราต้องการ แต่ถ้าเปรียบเป็นตัวตนที่เราอยากเป็น ก็อาจจะหมายถึง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เรากำลังจะได้เป็นในสิ่งที่เราอยากเป็นแล้ว เราอยากเป็นอย่างนี้มาทั้งชีวิต และเรากำลังจะได้ใช้ชีวิตจริงๆซะที (To feel your heart as it's keeping time >> เสียงหัวใจหมายถึงการมีชีวิต) ซึ่งต่อแต่นี้ไปไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม อย่าลืมที่จะทำอย่างมีชีวิตอยู่นะ (อาจหมายถึงทำในขณะที่เรามีชีวิตชีวาอยู่นะ ทำเพราะอยากทำ สนุกไปกับมัน ไม่ใช่ทำเพราะหน้าที่เหมือนเครื่องจักรแบบที่เคยเป็น)

            ท่อนสุดท้ายจะบอกว่า เราได้มีชีวิตอีกครั้งแล้ว ได้ทำตามความฝันแล้ว หรือได้เป็นตัวตนที่แท้จริงของเราอย่างสมบูรณ์แล้ว แม้จะต้องกลับไปใช้ชีวิตในเมืองแล้วไงล่ะ เราได้ร่างจริงมาแล้วอ่ะ ดูพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นนั่นสิ นี่คือการเริ่มต้นใหม่ นี่คือตัวตนของเธอคนใหม่ต่อจากนี้ไปในทุกๆวัน

--------------------

 คำศัพท์


            keeping time : อันนี้คำแปลตามบริบทมากค่ะ นอกจากจะแปลว่ารักษาเวลา ตรงต่อเวลา(ใช้ได้กับทั้งนาฬิกาและคน) ยังหมายถึงเป็นจังหวะอีกด้วย เช่นเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะ เสียงดนตรีที่สม่ำเสมอ เป็นต้นค่ะ

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Atlantis

แปลไทย : Sia - Unstoppable

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Oceans