แปลไทยแบบกันเอง : Fall Out Boy - Immortals



[Verse 1]
They say we are what we are
But we don’t have to be
I’m bad behavior but I do it in the best way
I’ll be the watcher of the eternal flame
I’ll be the guard dog of all your fever dreams

พวกเขาบอกว่าให้เราเป็นตัวของตัวเอง
แต่เราไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นก็ได้นี่
ฉันนิสัยไม่ดี แต่ฉันทำมันสุดความสามารถเลยนะเว้ย
ฉันจะเป็นยามอารักขาความทรงจำของเธอไว้
ฉันจะอยู่เคียงข้างแม้ยามเธอละเมอฝัน

[Pre-Chorus]
I am the sand in the bottom half of the hourglass (glass, glass)
I try to picture me without you but I can’t

เวลาของฉันมันได้ผ่านไปแล้ว
ฉันพยายามจะเก็บภาพของฉันไว้เพียงลำพัง โดยไม่มีเธออยู่ในนั้น แต่ฉันทำไม่ได้

[Chorus]
'Cause we could be immortals, immortals
Just not for long, for long
Live with me forever now
Pull the blackout curtains down
Just not for long, for long
We could be immortals
Immortals
Immortals
Immortals
Immortals

เพราะว่าไม่มีใครทำอะไรเราได้ไงล่ะ
แม้จะแค่ไม่นานนัก ไม่นานนัก
อยู่กับฉันตลอดไปตั้งแต่ตอนนี้เลยสิ
ปิดฉากได้แล้ว
แค่ไม่นานเท่านั้น แค่ไม่นาน
อะไรก็ทำลายเราไม่ได้
อมตะ
อมตะ
อมตะ
อมตะ

[Verse 2]
Sometimes the only payoff for having any faith
Is when it’s tested again and again everyday
I’m still comparing your past to my future
It might be your wound but they’re my sutures

บางครั้งผลตอบแทนเดียวของความเชื่อ
คือการที่เราถูกทดสอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฉันยังคงเอาอดีตของเธอมาเทียบกับอนาคตของฉัน
มันอาจจะเป็นข้อผิดพลาดของเธอ แต่มันจะเป็นบทเรียนสำหรับฉัน

[Pre-Chorus]
I am the sand in the bottom half of the hourglass (glass, glass)
I try to picture me without you but I can’t

เวลาของฉันมันได้ผ่านไปแล้ว
ฉันพยายามจะเก็บภาพของฉันไว้เพียงลำพัง โดยไม่มีเธออยู่ในนั้น แต่ฉันทำไม่ได้

[Chorus]
'Cause we could be immortals, immortals
Just not for long, for long
Live with me forever now
Pull the blackout curtains down
Just not for long, for long
We could be immortals
Immortals
Immortals

เพราะว่าเราเป็นอมตะได้ไงล่ะ เป็นอมตะ
แม้จะแค่ไม่นานนัก ไม่นานเท่าไหร่
อยู่กับฉันตลอดไปตั้งแต่ตอนนี้เลยสิ
ปิดฉากได้แล้ว
แค่ไม่นานเท่านั้น แค่ไม่นาน
อะไรก็ทำลายเราไม่ได้
เป็นอมตะ
เป็นอมตะ
เป็นอมตะ
เป็นอมตะ


[Outro]
And live with me forever now
Pull the blackout curtains down
We could be immortals, immortals
Just not for long, for long
We could be immortals
Immortals
Immortals
Immortals
Immortals

อยู่กับฉันตลอดไปตั้งแต่ตอนนี้เลยสิ
ปิดฉากได้แล้ว
เราเป็นอมตะได้นะ เป็นอมนะ
แค่ไม่นานเท่านั้น แค่ไม่นาน
อะไรก็ทำลายเราไม่ได้
เป็นอมตะ
เป็นอมตะ
เป็นอมตะ
เป็นอมตะ

แปลเพลงนี้ตามหนังละกันเนอะ เพราะว่าเข้าใจง่ายดี เพลงนี้มาจากเรื่อง Big Hero 6 ค่ะ ฟังไปฟังมาก็เศร้าเหมือนกันนะ เพราะเป็นเพลงที่เหมือนพูดแทนใจของฮิโระ ตัวละครเอกที่พี่ชาย(ทาดาชิ) ที่สร้างเบย์แม็กซ์ตายอ่ะค่ะ ถ้ามองตามมุมหนังนี่เข้าใจง่ายเลย เพราะฮิโระจะนึกถึงพี่ชายตลอด

ท่อนแรกคือจะพูดถึงช่วงต้นเรื่องเลยที่เป็นพี่น้องที่เดินไปคนละแนว แต่พอพี่ตาย เขาก็ตั้งใจไว้ว่าจะเก็บความทรงจำของพี่ไว้ในใจตลอดไป eternal flame นี่ให้นึกถึงไฟที่เขาจุดไว้ในศาลเจ้า หรือวิหารที่จะพยายามไม่ให้ดับอ่ะค่ะ เป็นไฟที่จุดไว้เพื่อบูชาบางอย่างหรือระลึกถึงบางคน ในที่นี้ก็เป็นทาดาชิ พี่ชายของเขาที่จากไปนั่นเอง ส่วน fever dreams หมายถึงฝันเวลาที่เป็นไข้ค่ะ มันจะออกแนวละเมอเพ้อพกนิดนึง เหมือนเพ้อเพราะพิษไข้ อาจจะหมายถึงจะอยู่เคียงข้างเสมอแม้ว่าไอ้สิ่งที่ทำอยู่มันจะดูบ้าๆบอๆ เพ้อๆ เป็นไปไม่ได้ก็ตามที

I am the sand in the bottom half of the hourglass  หมายถึงทรายที่ร่วงลงก้นนาฬิกาทราย ก็คือมันผ่านไปแล้ว หมดเวลาของเราแล้ว หรือหมดโอกาสของเราแล้ว แต่ทั้งนี้ก็มีอีกความหมายซ่อนอยู่คือ การรอให้โอกาสของเรากลับมาอีกครั้งก็ได้นะคะ เพราะถ้าพลิกนาฬิกาทรายอีกรอบ จากที่เราเป็นทรายนอนก้น เราก็จะเป็นทรายที่อยู่ข้างบนอีกครั้ง และท่อนที่ชอบที่สุดคือ I try to picture me without you but I cant คือมันตัดกันไม่ขาดอ่ะคุณ มันเหมือนก็พยายามจะเป็นตัวของตัวเอง พยายามเดินลำพัง พยายามลืมแล้วนะ แต่มันยังมีภาพจำของเธออยู่ตลอดเลยเนี่ยสิ ก็ถ้าเป็นตามในหนังคือไม่ว่ายังไงภาพของพี่ชายก็ยังวนเวียนอยู่รอบๆฮิโระอยู่เสมอ (ผ่านเบย์แม็กซ์เนี่ยแหละ)

ท่อนคอรัส หรือท่อนฮุคก็คือ มันจะมีช่วงนึงในชีวิตที่เราจะรู้สึกว่า อะไรก็ฉุดเราไม่อยู่แล้ว (เคยไหม? ไม่เคยข้ามไป 5555) คือทำอะไรก็สำเร็จ ทำอะไรก็ดี มีคนมาปองร้ายแต่ก็ทำอะไรเราไม่ได้ นั่นแหละค่ะคือคำว่าอมตะของเพลงนี้ คือฟันแทงไม่เข้า แม้มันจะแค่ไม่นานก็เถอะ เพราะฉะนั้นก็อยู่กับฉันตลอดไปเลยสิ (ตัดพ้อเล็กน้อย เพราะความจริงคือพึ่มึงม่องไปแล้ว) ปิดฉากเรื่องนี้ซะที (blackout curtains คือม่านกันแสง หรือจะหมายถึงม่านที่กั้นหลังจบการแสดงก็ได้ค่ะ) แม้จะแค่ไม่นานแต่ถ้าเราอยู่ด้วยกันเราก็ทำได้ทุกอย่าง ไม่มีใครหยุดเราได้หรอกนะ

ท่อนสุดท้าย(ที่ความหมายไม่ซ้ำ) พูดถึงเรื่องความเชื่อค่ะ payoff หมายความได้ถึง ผลตอบแทน, สินบน, เงินเดือน หรือรางวัลก็ได้ค่ะ ก็คือรางวัลที่ความเชื่อจ่ายให้เรา คือการที่ถูกสิ่งต่างๆเข้ามาพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราเชื่อมันจริงไหม แล้วเรามานคงกับมันมากแค่ไหน เมื่อผ่านการทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกเราก็จะแข็งแกร่งในที่สุดนั่นเองค่ะ ท่อนIm still comparing your past to my future คือการที่ฮิโระเอาเรื่องราวของพี่ตัวเอง(ที่ม่องไปแล้ว) มาคอยเทียบว่าแล้วในอนาคตเราจะทำได้แบบนั้นไหม ซึ่งถ้าบางเรื่องมันคือความล้มเหลว (wound) เขาก็จะเอามันมาเป็นบทเรียน (suture คือการเย็บแผล ก็คือถ้าเขาผิดพลาดด้วยเรื่องเดียวกันก็จะไม่เป็นไรมากเพราะได้บทเรียนจากกรณีพี่เขาแล้ว)

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Atlantis

แปลไทย : Sia - Unstoppable

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Oceans