แปลไทยแบบกันเอง : Adele - Melt My Heart to Stone





Right under my feet there's air made of bricks
Pulls me down turns me weak for you
I find myself repeating like a broken tune
And I'm forever excusing your intentions
That I give in to my pretendings
Which forgive you each time
Without me knowing
They melt my heart to stone

ที่ใต้ฝ่าเท้าฉันนี้คืออากาศที่ทำจากก้อนอิฐ
ลากฉันลงมา เปลี่ยนให้ฉันอ่อนแอเพื่อเธอ
ฉันพบว่าตัวเองเอาแต่กล่าวบางคำซ้ำๆราวกับท่วงทำนองที่แหลกสลาย
และฉันให้อภัยคำแก้ตัวสำหรับเจตนาของเธอเสมอ
ฉันยอมรับว่ามันเป็นการเสแสร้ง
ในการให้อภัยเธอไปในแต่ละครั้ง
โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่า
มันได้หลอมละลายใจฉันให้กลายเป็นก้อนหิน

And I hear your words that I made up
You say my name like there could be an us
I best tidy up my head that I'm the only one in love
I'm the only one in love

ฉันได้ยินคำพูดของเธอที่ฉันคิดขึ้นเอง
เธอเรียกชื่อฉันราวกับที่นี่จะมีเพียงแค่เราสอง**
ฉันจึงจัดความคิดเสียใหม่ และพบว่าฉันคงเป็นคนเดียวที่อยู่ในภวังค์รัก
ฉันเป็นเป็นคนรักเธออยู่ฝ่ายเดียว

Each and every time I turn around to leave
I feel my heart begin to burst and bleed
So desperately I try to link it with my head
But instead I fall back to my knees
As you tear your way right through me
I forgive you once again
Without me knowing
You've burnt my heart to stone

แต่ละครั้งและทุกครั้งที่ฉันหันหลังเพี่อจะจากไป
ฉันรู้สึกว่าหัวใจของฉันเริ่มจะแตกร้าวและตกเลือด
ช่างน่าสิ้นหวังเหลือเกิน ฉันพยายามจะเชื่อมมัน(ความรู้สึก)เข้ากับความคิด
แต่แทนที่ฉันจะกลับมายืนได้ด้วยตนเอง
ขณะที่เธอฝ่าเส้นทางของเธอมุ่งตรงมาหาฉัน
มันทำให้ฉันให้อภัยเธออีกครั้ง
โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่า
เธอได้เผาใจฉันให้กลายเป็นก้อนหิน

And I hear your words that I made up
You say my name like there could be an us
I best tidy up my head that I'm the only one in love
I'm the only one in love

ฉันได้ยินคำพูดของเธอที่ฉันคิดขึ้นเอง
เธอเรียกชื่อฉันราวกับที่นี่จะมีเพียงแค่เราสอง**
ฉันจึงจัดความคิดเสียใหม่ และพบว่าฉันคงเป็นคนเดียวที่อยู่ในภวังค์รัก
ฉันเป็นเป็นคนรักเธออยู่ฝ่ายเดียว

Why do you steal my hand
Whenever I'm standing my own ground
You build me up, then leave me dead

ทำไมเธอถึงต้องทำให้ฉันอ่อนแอลง
เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันอยู่ได้ด้วยตัวเอง
เธอสร้างฉันขึ้นมา จากนั้นก็ทิ้งเอาไว้ให้ตาย

I hear your words you made up
I say your name like there should be an us
I best tidy up my head I'm the only one, in love
I'm the only one in love

ฉันได้ยินคำพูดของเธอที่เธอพูดขึ้น
เธอเรียกชื่อฉันราวกับที่นี่จะมีเพียงแค่เราสอง**
ฉันจึงจัดความคิดเสียใหม่ และพบว่าฉันคงเป็นคนเดียวที่อยู่ในภวังค์รัก
ฉันเป็นเป็นคนรักเธออยู่ฝ่ายเดียว

            อีกเพลงที่ชอบในอัลบั้ม19 ซึ่งจริงๆก็ชอบแม่งเกือบทุกเพลงแหละ555 ชอบอัลบิ้มแรกๆของอเดลมากค่ะ มันมีความเป็นตัวตนของเธอเองสูงมาก ธรรมชาติมาก อินกว่ามาก ซึ่งส่วนใหญ่นักร้องที่เราชอบผลงานช่วงแรกๆของพวกเขามักจะเป็นที่ประทับใจของเราเสมอ เช่น Florence, Sara B. ไม่ได้หมายความว่าอัลบั้มหลังๆไม่ดีนะ แต่มันแค่...ไม่เหมือนเดิมอ่ะ

ช่างมันเถอะ มาเข้าเรื่องเพลงนี้ดีกว่า เพลงนี้เป็นเพลงทำนองดูไม่เศร้ามาก แต่พอเรานั่งแปลจริงจังแล้วมันก็เศร้าเอาเรื่องอยู่นะคะ สรุปสั้นๆคือเพลงเล่าถึงการตรอมใจ หรือจะเรียกว่าเจ็บจนไม่สามารถเจ็บได้อีกต่อไป อันนี้ก็ชัดดีค่ะ เธอเล่าว่า สถานะของเธอน่ะมันเหมือนอยู่บน air made of bricks คือเหมือนจะมั่นคง แต่ก็เป็นแค่อากาศ เธอก็เลยร่วงลงมา สร้างความเจ็บปวด แต่นั่นก็เพราะว่าเธอรักเขาคนนั้น ทั้งรักทั้งเจ็บจนเพ้อถ้อยคำบางอย่างออกมาซ้ำๆ อันนี้เป็นอาการเศร้าภาวะหนึ่ง ทางการแพทย์ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร แต่เราเคยเป็น คือเหมือนสติหลุดๆไปแล้วน่ะค่ะ และดูเหมือนว่าไม่ว่าเขาคนนั้นของเธอจะทำอะไร เธอก็ให้อภัยได้เสมอ แต่จริงๆแล้วการให้อภัยของเธอมันไม่ได้มาจากใจจริง และทุกๆครั้งที่เธอให้อภัย มันยิ่งสร้างบาดแผลเพิ่มขึ้น ยิ่งนับวันมันจะมีแต่เจ็บน้อยลงจนเธอไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป (They melt my heart to stone) ซึ่งปกติแล้วการละลายคือของแข็งกลายเป็นของเหลวใช่ไหมคะ แต่เพลงนี้เสียดสี หรือภาษาชาวบ้านหน่อยคือพูดแดกเข้าใจค่ะ ว่าละลายจากก้อนเนื้อกลายมาเป็นก้อนหิน ประชดประชันสุดๆ แต่ถ้าอยากจินตนาการให้ดูเจ็บช้ำดีแท้ก็ลองนึกถึงเลือดที่ไหลออกมาจากแผลจนสะสมกันกลายเป็นก้อนอะไรแข็งๆสักอย่างดูค่ะ ตัวอย่างนี้เราว่าเห็นภาพความเจ็บช้ำ และกระบวนการอันยาวนานของมันชัดเจนดี

            ซึ่งคนที่มีความรักก็มักจะหาข้อแก้ตัวให้กับคนรักของเราได้เป็นร้อยเป็นพันข้อเพื่อที่จะให้อภัยเขาใช่ไหมคะ เพลงนี้ก็เช่นกัน เธอก็พยายามคิดว่าเขาคงมีเหตุผลดีๆ และพยายามนึกถึงวันคืนดีๆ หรือนึกว่าเขาเคยรัก(รึเปล่าก็ไม่รู้นะ)และต้องการเธอมากแค่ไหน แต่สุดท้ายเธอก็ตระหนักได้ว่า มีแต่เธอเท่านั้นที่รักเขาอยู่ฝ่ายเดียว... ที่น่าสนใจคือคำว่า an us เราไม่แน่ใจว่านอกจากความหมายตรงๆที่แปลว่าเราสอง จะยังมีความหมายแสลงที่หมายถึง ช่องทวารหนัก (anus) ด้วยหรือเปล่า? (แบบว่าเศร้าไปเศร้ามาก็ด่าเลย มีแค่เราสองคนตรงไหนไอ้รูตูดเอ๊ย ตอแ-ลจริงๆ >> ลมตด หรือพวกที่เกี่ยวกับก้นนี่หมายความในเชิงคำโกหกได้ด้วยน่ะค่ะ)

            พอเธอเจ็บมากจนจะจากไปก็เจ็บ เข้าทำนอง อยู่ก็เจ็บ ไปก็เจ็บ >> กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง ซึ่งเอาจริงๆเราว่ามันเป็นความหวังลมๆแล้งๆกับความเสียดายสิ่งที่เราลงทุนไปมากกว่าค่ะ (ประสบการณ์ส่วนตัว) แต่เอาเป็นว่าคนมันระทมไปหมด ไม่รู้หรอกเจ็บสั้นเจ็บยาว รู้แค่ว่าเจ็บ พอเธอพยายามจะให้เหตุผลกับตัวเองว่าทำไมเธอถึงต้องจบความสัมพันธ์แบบนี้ซะ ไอ้เขาคนนั้นก็ดันกลับมาหาทำดีด้วย คนมันยังมีเศษเสี้ยวของความหวังมันเลยให้อภัยค่ะ แต่นั่นก็ทำให้เธอด้านชาขึ้นมากกว่าเดิมไปอีก

            นางเลยบ่นว่า นี่เอ็งจะมาขโมยมือฉันไปทำไม!! (Why do you steal my hand) ซึ่งมือสื่อความถึงการดูแลตัวเอง ทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง พอถูกขโมยมือหมายความว่าดูแลตัวเองไม่ได้ พิการ ทำอะไรบางอย่างไม่ได้ หรืออ่อนแอลงนั่นเองค่ะ ซึ่งเขาคนนั้นก็ทำแบบนั้นเสมอ คือให้ความหวัง แล้วก็ทำร้ายความรู้สึกกัน

            จนสุดท้ายแม้ว่าเขาจะเอ่ยคำหวานออกมาจริงๆ เธอก็รู้แล้วว่าสุดท้ายแล้วก็มีแต่เธอเนี่ยแหละที่คอยรักคอยห่วงใย เขาเคยจะใส่ใจหรือรักเธอเลยแม้แต่น้อย...

            ก่อนจบเพลงนี้ไปมีคำแนะนำให้เล็กๆน้อยๆนะคะ


            ลองถามตัวเองดูว่าที่เรารักเขาน่ะ เพราะเขาเป็นคนแบบนั้นจริงๆ หรือเพราะเราไปคาดหวังว่าเขาจะเป็นคนแบบนั้น เราถึงรักเขา บ่อยครั้งที่ความรักรูปแบบนี้เกิดจากการที่เราเอาความคิดของเรา เอาคนในฝันของเราไปใส่รูปร่างหน้าตาและนิสัยบางอย่างของเขา เลยเกิดความเข้าใจผิด หลงรัก หลงเจ็บกันไปหลายปีดีดัก ให้ความหวังตัวเองลมๆแล้งๆ เพราะไปรักสิ่งที่ไม่มีจริง ไปรักตัวตนที่เราหวังให้เขาเป็น ทั้งๆที่ตัวจริงของเขาก็เอาแต่ทำร้ายเราอยู่ทุกวัน หรือบางรายเขาอาจจะปฏิเสธแล้วปฏิเสธอีกด้วยซ้ำ แต่ความคาดหวังที่มากล้นของเราทำให้เราไม่ได้ยิน และไม่เห็นความจริงที่เกิดขึ้นค่ะ ^^

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Atlantis

แปลไทยแบบกันเอง : Adele – Remedy

แปลไทยแบบกันเอง : Jack Johnson - Monsoon