แปลไทยแบบกันเอง : Florence + The Machine – Hiding
*เพลงไปเปิดฟังในvimeoนะคะ ในยูทูปยังมีแต่Cover*
I
think you hide
When
all the world's asleep and tired
You
cry a little, so do I, so do I
I
think you hide
And
you don't have to tell me why
You
cry a little, so do I, so do I
ฉันคิดว่าเธอซ่อนบางอย่างไว้
จนเมื่อทั้งโลกเหนื่อยล้า
และหลับใหล
เธอจึงแอบร้องไห้
ฉันก็ร้องด้วย ฉันก็ร้อง
ฉันคิดว่าเธอปิดบังมันไว้
เธอไม่จำเป็นต้องบอกฉันหรอกว่าทำไม
เธอร้องไห้ออกมาเบาๆ
ฉันก็ด้วย ฉันก็เช่นกัน
Tell
me I will be released
Not
sure I can deal with this
Up
all night again this week
Breaking
things that I should keep
บอกฉันเถอะ
ฉันจะช่วยปลดเปลื้องมันไป
ไม่แน่ใจนักหรอกว่าจะรับมือกับมันได้มากแค่ไหน
อาจต้องใช้เวลาทั้งคืน
หรือตลอดทั้งอาทิตย์นี้
ทำลายสิ่งที่ฉันควรจะเก็บรักษาไว้
I
know that you're hiding
I
know there's a part of you that I just cannot reach
You
don't have to let me in
Just
know that I'm still here
I'm
ready for you whenever, whenever you need
Whenever
you want to begin
ฉันรู้ว่าเธอกำลังปิดบัง
และฉันก็รู้ว่านั่นเป็นอีกด้านนึงของเธอที่ฉันเอื้อมไม่ถึง
เธอไม่จำเป็นต้องเปิดใจรับฉันเข้าไป
แค่เพียงรู้ว่าฉันยังอยู่ตรงนี้
พร้อมสำหรับเธอเสมอ
เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอต้องการ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เธออยากจะเริ่มต้นใหม่
I
know you've tried
But
something stops you every time
You
cry a little, so do I, so do I
And
it's your pride
That's
keeping us still so far apart
But
if you give a little, so will I, so will I
ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อยกับมันแล้ว
แต่มีบางอย่างมาคอยรั้งเธออยู่เสมอ
เธอร้องไห้เบาๆ
ฉันก็ด้วย ฉันก็เช่นกัน
นั่นคือทิฐิของเธอ
ที่ทำให้เรายังคงห่างไกลกันแบบนี้
แต่ถ้าเธอให้โอกาสฉัน
ฉันก็จะให้เธอเช่นกัน
Tell
me I will be released
Not
sure I can deal with this
Up
all night again this week
Breaking
things that I should keep
บอกฉันเถอะ
ฉันจะช่วยปลดเปลื้องมันไป
ไม่แน่ใจนักหรอกว่าจะรับมือกับมันได้มากแค่ไหน
อาจต้องใช้เวลาทั้งคืน
หรือตลอดทั้งอาทิตย์นี้
ทำลายสิ่งที่ฉันควรจะเก็บรักษาไว้
I
know that you're hiding
I
know there's a part of you that I just cannot reach
You
don't have to let me in
Just
know that I'm still here
I'm
ready for you whenever, whenever you need
Whenever
you want to begin
ฉันรู้ว่าเธอกำลังปิดบัง
และฉันก็รู้ว่านั่นเป็นอีกด้านนึงของเธอที่ฉันเอื้อมไม่ถึง
เธอไม่จำเป็นต้องเปิดใจรับฉันเข้าไป
แค่เพียงรู้ว่าฉันยังอยู่ตรงนี้
พร้อมสำหรับเธอเสมอ
เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอต้องการ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เธออยากจะเริ่มต้นใหม่
I
know I seem shaky
These
hands not fit for holding
But
if you let me, oh
I
will see you right
ฉันรู้ว่าฉันดูอ่อนแอ
มือคู่นี้ไม่มั่นคงพอที่จะกอบกุมเธอไว้
แต่ถ้าเธอให้ฉันทำ
โอ้
ฉันจะทำให้ดีที่สุด
Tell
me I will be released
Not
sure I can deal with this
Up
all night again this week
Breaking
things that I should keep
[x2]
บอกฉันเถอะ
ฉันจะช่วยปลดเปลื้องมันไป
ไม่แน่ใจนักหรอกว่าจะรับมือกับมันได้มากแค่ไหน
อาจต้องใช้เวลาทั้งคืน
หรือตลอดทั้งอาทิตย์นี้
ทำลายสิ่งที่ฉันควรจะเก็บรักษาไว้
I
know that you're hiding
I
know there's a part of you that I just cannot reach
You
don't have to let me in
ฉันรู้ว่าเธอกำลังปิดบัง
และฉันก็รู้ว่านั่นเป็นอีกด้านนึงของเธอที่ฉันเอื้อมไม่ถึง
เธอไม่จำเป็นต้องเปิดใจรับฉันเข้าไป
I'm
still here
I'm
still here
ฉันยังอยู่ตรงนี้
ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ
นั่ลล๊ากกกกกกกก 55555 เป็นเพลงให้กำลังใจเพลงที่2ของนางเท่าที่เคยฟังมานะ
เพลงแรกคือ Heartline อันนั้นออกแนวปลุกใจมากกว่า แต่เพลงนี้มาแนวสมัยใหม่ สื่อสารตรงตัว
ฟังง่าย และฟังแล้วเราว่ามันน่ารักในแบบของฟลอเรนซ์ ที่ปกติเพลงนางจะต้องตีความกันหลายตลบ
และไม่ใช่แนวสดใสแบบนี้เท่าไหร่
เพลงนี้สรุปสั้นๆคือ
คนรักของเธอมีเรื่องปิดบังซ่อนอยู่ในใจ
ซึ่งความทุกข์ดังกล่าวเธอนั้นเข้าใจและเคยเจ็บปวดมาเหมือนกัน(so do I) เธอก็ไม่ได้เรียกร้องขอให้เขาบอกเธอ แค่อยากให้เขารู้ว่าเธอจะอยู่เป็นกำลังใจให้เขาเสมอ
บางครั้งเขาก็เหนื่อยกับการต้องเก็บความรู้สึก แต่พอจะบอก
ก็เหมือนมีบางอย่างมาฉุดรั้งตัวเขาไว้ไม่ให้บอก ซึ่งมันก็คือศักดิ์ศรี ทิฐิ
หรือความภูมิใจของเขานั่นเอง และไอ้prideนี่แหละ
ที่ทำให้เธอเข้าไม่ถึงเขาซะที่
* Pride แปลได้หลายอย่างตามที่ได้กล่าวไว้
ก็ประยุกต์ให้เข้ากับประสบการณ์ส่วนตัวของแต่ละคนเพื่อความอินละกันนะคะ
ตรงนี้ขออธิบายเสริมว่า บางครั้งคนเราเศร้า แต่ศักดิ์ศรีค้ำคอ เลยไม่บอก
บางคนก็ทิฐิสูง กลัวคนอื่นมองว่าอ่อนแอ ก็เลยไม่บอก
บางคนภูมิใจกับอารมณ์ความเศร้าที่มี รู้สึกดี รู้สึกอินดี้ มีเอกลักษณ์
เหมือนไอ้ปัญหาที่ไม่ยอมพูดทำให้ดูเท่ห์ คูล น่าค้นหา ดูมีคุณค่าน่าภูมิใจเวลาใครพูถึง
แบบ...เฮ้ย ไอ้นี่มันเป็นคนไม่ค่อยพูดว่ะ เป็นต้น (อันนี้เสริมให้เผื่อบางคนไม่เข้าใจว่าทำมึงเอาคำว่าภูมิใจมาใส่ในความหมายของ
pride ด้วย)
แม้ว่าเธอจะดูอ่อนไหว ไม่มั่นคง
และดูเหมือนจะช่วยเหลือใครไม่ค่อยได้ แต่เธอก็อยากให้เขาลองให้โอกาสเธอ
เธอก็จะทำให้ดีที่สุด (I
will see you right)
ส่วนท่อน Breaking things
that I should keep นี่สารภาพตรงๆเลยว่าไม่รู้เหมือนกันว่าจะสื่อถึงอะไร
เพราะทั้งเพลงนางอยากจะเยียวยาคนรัก ก็คงไม่ได้อยากจะเก็บสิ่งที่เขา hide เอาไว้หรอก(ใช่ไหม?) แต่เราเดาตามบริบทเพลงนะคะ ว่าอาจจะหมายถึง
ทำลายระยะห่างความสัมพันธ์ที่เธอควรรักษามากกว่า เพราะตามเนื้อเพลงเท่าที่เราเข้าใจคือ
คนรักของเธอค่อยข้างจะโลกส่วนตัวสูงมาก เพราะเก็บปัญหาไว้กับตัวเอง
รอให้ไม่มีคนเห็นจึงจะแสดงออก และเนื้อเพลงยังบอกว่า I know there's a part
of you that I just cannot reach. แสดงว่ามันต้องเป็นเส้นกั้นที่หนามาก
การที่เธอตัดสินใจจะเสนอตัวช่วยเหลือเขา โดยที่ไม่รู้ว่าจะช่วยได้ไหม
ก็ต้องรวบรวมความกล้ามากในระดับหนึ่งเพื่อจะบอกออกไป
และเป็นการก้าวล้ำเส้นกลายๆด้วย ซึ่งก็ถือว่าเป็นการทำลายสิ่งที่ควรรักษาไว้(Breaking things that I should keep)เช่นกันค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น