แปลไทยแบบกันเอง : Jack Johnson - Monsoon





I feel sorrow for the fear
And everything it brings
Wonder if it will ever sleep

ฉันรู้สึกได้ถึงความทุกข์ทรมานจากความกลัว
และทุกอย่างที่มันนำมา
ทำให้สงสัยว่า มันจะหลับชั่วนิรันดร์รึเปล่า

I know you understand
Because you briefly look away                                       
Focusing on nothing                                                      
So now everything is clear                                             
Cause there's no one to blame                                       
You got no place to hide                                                           
It's only in your mind                                                     

ฉันรู้นะว่าเธอเข้าใจ
เพราะเธอรีบมองไปทางอื่นทันที
แล้วก็ไม่ได้มองไปที่ตรงไหนเป็นพิเศษด้วย
ดังนั้น ตอนนี้ทุกอย่างมันเลยก็ชัดเจน
จะโทษใครก็ไม่ได้
เธอเองก็ไปซ่อนที่ไหนไม่ได้
เพราะมันอยู่ในความคิดของเธอคนเดียว

And I saw you - in amazement
Stumbling through the day                                             
You told me time - never waits                                      
What is that supposed to mean?                                    

และฉันก็เห็นเธอ ดูท่าทางประหลาดใจมาก
พูดตะกุกตะกักตลอดทั้งวัน
เธอบอกฉันว่า เวลา...ไม่เคยคอยใคร
มันควรจะหมายความว่ายังไงกันนะ?

All of life                                                                      
Is in one drop of the ocean                                            
Waiting to go home                                                       
Just waiting to go home                                                
And if the moon                                                           
Can turn the tides it can pull the tears                            
and take them from our eyes                                         
And make them into monsoons                                      

ทุกชีวิต
เป็นดั่งหยดน้ำทะเล
ที่รอคอยจะกลับบ้าน
แค่รอที่จะกลับบ้าน....
และหากพระจันทร์
สามารถเปลี่ยนกระแสน้ำขึ้นน้ำลงได้ มันก็สามารถดึงน้ำตาออกมา
และเอามันไปจากตาของพวกเราได้ด้วย
และเปลี่ยนน้ำตาเหล่านั้นให้เป็นมรสุม

And turn them into mon -                                              
Sooner or later they'll weave their way back to the sea   
Gonna finally be free                                                     
Yeah, free for a while                                                    
Until they break                                                            
Like waves of sorrow                                                     
Always do, all into time                                                
Because time never waits                                                           

เปลี่ยนมันให้เป็นมรสุม
เร็วๆนี้หรือหลังจากนี้ พวกเขาจะหาทางหลีกหนีจากการต้องกลับไปสู่ทะเล
จะเป็นอิสระในที่สุด
ใช่ เป็นอิสระแค่ช่วงนึง
จนกระทั่งพวกเขาแตกสลาย
เหมือนอย่างที่คลื่นแห่งความเศร้าโศก
มักจะทำ...อยู่ตลอดเวลา
...เพราะเวลาไม่เคยรอใคร...

Daddy don't day dream again                                       
Just help me to believe and then                                              
Show me that there's more than the meantime              

พ่อ เลิกฝันกลางวันเถอะนะ
แค่ช่วยทำให้ผมเชื่อ แล้วจากนั้น
ก็แสดงให้ผมเห็นว่ามีมากกว่าในตอนนั้นที่ผ่านมา
------------
Sonny, do you hear the sound?                                      
You will feel it when it breaks                                        
You will know it when it’s gone                                     

ไอ้ลูกชาย เอ็งได้ยินเสียงนั่นไหม?
เอ็งจะรู้สึกถึงมันเมื่อมันแตกสลาย
เอ็งจะได้เรียนรู้มันเมื่อมันจากไป

--------------
How else can I explain?                                                 
Because it's only the pain                                               
It's coming straight through                                             
Come into a mind                                                         

ฉันจะสามารถอธิบายอะไรอย่างอื่นได้อีกล่ะ?
เพราะมันมีแค่ความเจ็บปวด
ที่พุ่งตรงทะลุผ่านทุกสิ่ง
ไปสู่ความความคิดจิตใจ

Cross cut to you - in amazement                                    
Stumbling through the day                                             
You tell me that time - never waits                                
That's ok cause I don't wait for time                               

ตัดกลับไปที่เธอ---ที่ดูท่าทางประหลาดใจมาก
ทำผิดพลาดตลอดทั้งวัน
เธอบอกฉันว่าเวลาไม่เคยรอ
มันก็โอเคนะ เพราะฉันก็ไม่ได้รอเวลา

When all of life                                                             
Is in one drop of the ocean                                            
Waiting to go home                                                       
Just waiting to go home                                                
And if the moon                                                           
Can turn the tides, it can pull the tears                           
And take them from our eyes                                         
And turn them into monsoons    

ทุกชีวิต
เป็นดั่งหยดน้ำทะเล
ที่รอคอยจะกลับบ้าน
แค่รอที่จะกลับบ้าน....
และหากพระจันทร์
สามารถเปลี่ยนกระแสน้ำขึ้นน้ำลงได้ มันก็สามารถดึงน้ำตาออกมา
และเอามันไปจากตาของพวกเราได้ด้วย
และเปลี่ยนน้ำตาเหล่านั้นให้เป็นมรสุม                         

Make them into mon -                                                   
Sooner or later they'll weave their way back to the sea   
Gonna finally be free                                                     
Yeah, free for a while                                                    
Until they break                                                            
Like waves of sorrow                                                     
Always break all in due time                                          
Cause time never waits  

เปลี่ยนมันให้เป็นมรสุม
เร็วๆนี้หรือหลังจากนี้ พวกเขาจะหาทางหลีกหนีจากการต้องกลับไปสู่ทะเล
จะเป็นอิสระในที่สุด
ใช่ เป็นอิสระแค่ช่วงนึง
จนกระทั่งพวกเขาแตกสลาย
เหมือนอย่างที่คลื่นแห่งความเศร้าโศก
มักจะทำ...อยู่ตลอดเวลา
...เพราะเวลาไม่เคยรอใคร...                                      

            เพลงฟังง่าย แต่เนื้อหาสุดจะศาสนาปรัชญาชีวิต เปิดเพลงนี้เป็นคนสองคนคุยกัน ฝ่ายชายเริ่มเปิดว่าเขารู้สึกถึงความทรมานจากความกลัว และสงสัยว่าสิ่งที่ความรู้สึกนั้นพามาด้วยจะนำไปซึ่งความตายรึเปล่า (will ever sleep) ฝ่ายหญิงทำท่ามีพิรุธ ชายเลยรู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่เขาก็บอกว่าเธอน่ะหนีความจริงไปไม่ได้หรอก เพราะมันอยู่ในหัวเธอตลอดเวลา ฝ่ายหญิงก็ดูประหลาดใจ แล้วก็มีพิรุธไปตลอดทั้งวัน ก่อนจะบอกว่า เวลาไม่คอยใครหรอกนะ จะทำอะไรให้รีบทำ ฝ่ายชายก็สงสัยว่าเธอต้องการจะบอกอะไรกันแน่

เพราะเขาเชื่อว่า ทุกชีวิตเป็นเหมือนหยดน้ำหยดหนึ่งจากหมาสมุทรที่กว้างใหญ่ ที่รอวันกลับบ้าน และถ้าพระจันทร์ทำให้น้ำขึ้นลงได้ มันก็ทำให้เราร้องไห้และเอาน้ำตาของเราไปเปลี่ยนเป็นพายุมรสุมได้เช่นกัน เบรกตรงนี้ก่อนว่าท่อนนี้โคตรลึกเลย ถ้าชีวิตเป็นหยดน้ำในทะเล เปรียบก็เหมือนสังสารวัฏของศาสนาพุทธ ซึ่งในธรรมชาติมีแรงดึงดูดระหว่างพระจันทร์กับโลกที่ทำให้น้ำขึ้นน้ำลง ดังนั้นพระจันทร์ในสังสารวัฏก็เหมือนชะตากรรมที่พาให้เราไปตามทิศทางที่มันควรไป ท่อนนี้เลยบอกว่า ถ้าพระจันทร์คุมน้ำขึ้น-ลงได้ มันก็ดึงน้ำออกจากตาเราได้เหมือนกันแหละ ก็คือทำให้เราสุขหรือทุกข์ใจได้ด้วย และมันก็เอาน้ำตาเราไปเปลี่ยนให้เป็นมรสุม หรืออุปสรรคในชีวิต

แต่ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายแล้วเราก็ต้องกลับไปยังที่ที่เราจากมา เป็นอิสระสักพักหนึ่ง แต่ก็แค่พักเดียว การเป็นอิสระจากโลกนี้ หรือง่ายๆคือจะบอกว่าเดี๋ยวเราก็ตายนั่นแหละ แต่พอเราตายแล้วเราก็คิดว่าเราเป็นอิสระ ซึ่งมันไม่จริง เพราะเราต้องกลับไปในวัฏสงสารอีก จนกระทั่งแหลกสลาย เหมือนคลื่นแห่งความทรมานที่จะพังทลายเมื่อถึงกำหนดเวลาของมัน...เพราะเวลาไม่เคยรอใคร (จะทำอะไรก็รีบทำ)

            ส่วนท่อนลูกชายก็คือ ตัวลูกมันไม่เชื่อและอยากให้พ่อพิสูจน์ แต่พ่อก็บอกว่าเดี๋ยวเอ็งก็จะได้รู้เองนั่นแหละ เพราะมันเป็นเรื่องที่อธิบายไม่ได้ แต่ถ้ารู้แล้วคือรู้เลย

แปลออกมาแล้วตกใจเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคนแต่งเพลงคิดลึกหรือกูเนี่ยคิดมาก 555555 มันดูปรัชญามากๆ แล้วก็พุทธจ๋ามากๆเลยค่ะ (นี่ยังกลัวตัวเองจะ overinterpretation อยู่เลย) ส่วนตัวชอบท่อน That's ok cause I don't wait for time มันดูกวนประสาทดี เพราะผู้หญิงจะบอกตลอดว่า เวลาไม่รอนะ จะทำอะไรก็รีบทำก่อนจะตาย ผู้ชายก็แบบ อ๋อ หรอ เออ แล้วไงกูก็ทำของกูไปเรื่อยๆไม่ได้รอเวลานี่ 55555
           

คำศัพท์

1.Amazement
            ตอนแรกเห็นคำนี้ นึกถึงญาติมัน Amazing ซึ่งมันก็คล้ายๆกันแต่อันนี้เป็นคำนาม

2.Stumbling
            คำนี้บันเทิงมากค่ะ มีหลายความหมายดีจริงๆ เราเลยใส่ไปตามอารมณ์เพลงทั้งสองท่อนเลย ตามคำศัพท์แล้วมาจากคำว่า stumble ที่แปลว่า สะดุด ติดขัด หรือความผิดพลาดค่ะ แต่ถ้ามันอยู่กับคำว่า through มันจะกลายเป็น พูดตะกุกตะกัก ซึ่งในเพลงนี้ หลังthrough มันมีthe dayมาต่อท้าย เราก็เลยไม่รู้ว่าจะเอา throughไปอยู่กับใครดี? เลยผสมสองแบบเลยจ้า


3.Weave
            ฮั่นแน่! อ่านเวฟอ่ะดิ ไม่ใช่นะ สังเกตดีๆ เขียนไม่เหมือนกันนะ wave > เวฟ ส่วนอันนี้อ่านว่า วีฟนะแจ๊ะ (ตอนแสกนสายตาผ่านนี่พลาดมาก บอกเลย 55555) คำนี้มีสองความหมาย ความหมายแรกคือการทอผ้า ร้อยs’thเข้าไปพันกัน การติดปะต่อ สาน หรือการทำอะไรให้มันเป็นชิ้นเดียวกัน ซึ่งกินความหมายไปถึงการปะติดปะต่อเรื่องราว และการแต่งเรื่อง(แบบหยิบนู่นมาผสมนี่)อีกด้วย  ส่วนอีกความหมายนึงคือ วกไฟวนมา หลบหลีก แกว่งไกว ซึ่งจากบริบทรอบข้างเราเลยเลือกความหมายหลังค่ะ เพราะมันเข้ากันกับความหมายโดยรวมมากกว่า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Atlantis

แปลไทยแบบกันเอง : Adele – Remedy