แปลไทยแบบกันเอง Lorde - A World Alone





That slow burn wait while it gets dark,
Bruising the sun, I feel grown up with you in your car
I know it's dumb

เหมือนตะวันค่อยไหม้อย่างช้าๆในตอนตกดิน
ท้องฟ้าสีช้ำๆนั่น(ผีตากผ้าอ้อม)  ฉันรู้สึกเหมือนกับค่อยๆโตไปพร้อมกับเธอบนรถคันนี้เลยแฮะ
รู้หรอกว่าฟังดูโง่ๆ

We've both got a million bad habits to kick
Not sleeping is one
We're biting our nails, you're biting my lip
I'm biting my tongue

เรามีนิสัยเสียเป็นล้านอย่างที่ต้องโละทิ้ง
ไม่หลับไม่นอนนั่นหนึ่งล่ะ
เราชอบกัดเล็บ เธอชอบกัดปากฉัน
ส่วนฉันชอบกัดลิ้นตัวเอง

When people are talking, people are talking
When People are talking, people are talking

คนกำลังพูด พวกเขากำลังพูด
ผู้คนกำลังพูด พูดกันไปเรื่อย

Raise a glass, 'cause I'm not done saying it
They all wanna get rough, get away with it
Let 'em talk 'cause we're dancing in this world alone
We're all alone
We're alone

ยกแก้วขึ้นสิ เพราะว่าฉันยังพูดไม่จบ
เขาอยากให้มันแย่ ก็หนีไปกับความแย่มันซะเลย
ปล่อยพวกเขาพูดพล่ามกันไปเพราะมีแค่สองเราเต้นรำด้วยกันในโลกนี้
พวกเราอยู่เพียงลำเพียง
มีเพียงแค่เรา

All my fake friends and all of their noise
Complain about work
They're studying business, I study the floor
And you haven't stopped smoking all night

พวกเพื่อนจอมปลอมของฉัน และเสียงน่ารำคาญของพวกนั้น
เอาแต่บ่นเกี่ยวกับงาน
พวกเขากำลังรุ่งในขณะที่ฉันดูแย่
และเธอก็ไม่หยุดสูบบุหรี่เลยทั้งคืน

Maybe the Internet raised us
Or maybe people are jerks
When people are talking, people are talking (But not you)
When people are talking, people are talking

บางทีเราอาจจะโตขึ้นมาได้ด้วยอินเตอร์เน็ต
หรือไม่ก็คนพวกนั้นมันห่วยบรม
ปล่อยให้คนพูดกันไป คนก็พูดกันไป (แต่ไม่ใช่เธอ)
คนก็พูดกันไป พูดกันไป

Raise a glass, 'cause I'm not done saying it
They all wanna get rough, get away with it
Let 'em talk 'cause we're dancing in this world alone
We're all alone
We're alone

ชูแก้วขึ้นสิ เพราะฉันยังพูดไม่จบเลย
เขาอยากให้มันแย่ ก็แย่ให้สมใจเขาไปเลย
ให้เขาพูดกันไปเพราะโลกนี้มีเราสนุกกันอยู่สองคน
มีเพียงแต่เรา
แค่เราเพียงลำพัง

All the double-edged people and schemes
They make a mess then go home and get clean
You're my best friend, and we're dancing in a world alone,
We're all alone
We're all alone

ไอ้พวกตีสองหน้ากับพวกชอบวางแผน
สร้างความวุ่นวายแล้วก็กลับบ้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอน่ะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน และเราจะเต้นรำไปด้วยกันลำพังในโลกนี้
มีเพียงแค่เรา
เราเพียงลำพัง

I know we're not everlasting
We're a train wreck waiting to happen
One day the blood won't flow so gladly
One day we're all get still

ฉันรู้ว่าเราไม่ได้อยู่แบบนี้ตลอดไป
เราก็เหมือนรถไฟที่กำลังจะชนกัน
วันนึงเลือดมันคงไม่ได้สูบฉีดแรงแบบนี้
วันนึงเราคงจะหนักแน่นพอ

When people are talking, people are talking
Get still
When people are talking, people are talking
When people are talking, people are talking

ตอนที่คนเขานินทา คนเขานินทา
นิ่งไว้
ตอนที่คนเขาด่าว่า คนเขาด่าว่า
ตอนที่คนเขาพูดพล่าม คนเขาพูดพล่าม

Raise a glass, 'cause I'm not done saying it
They all wanna get rough, get away with it
Let 'em talk 'cause we're dancing in this world alone
We're all alone
We're alone

ยกแก้วเลย เพราะว่าฉันยังพูดไม่จบ
พวกเขาอยากให้มันแย่ ก็แย่มันไปเลยสิ
ปล่อยให้มันพูดกันไปเพราะว่าเราจะผ่านโลกนี้ไปด้วยกัน
มีเราเพียงลำพัง
เราเพียงลำพัง

All the double-edged people and schemes
They make a mess then go home and get clean
You're my best friend, so we're dancing in a world alone
We're all alone
We're all alone

ไอ้พวกตีสองหน้ากับพวกชอบวางแผน
สร้างความวุ่นวายแล้วก็กลับบ้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอน่ะเป็นเพื่อนรักของฉัน และเราจะเต้นรำไปด้วยกันลำพังในโลกนี้
มีเพียงแค่เรา
เราเพียงลำพัง

When people are talking, people are talking
When people are talking, people are talking
When people are talking, people are talking
When people are talking, people are talking
Let 'em talk

ตอนที่คนเขานินทา คนเขานินทา
ตอนที่คนเขาด่าว่า คนเขาด่าว่า
ตอนที่คนเขาพูดพล่าม คนเขาพูดพล่าม
ตอนที่เขาพูดกัน คนเขาพูดกัน
ก็ปล่อยแม่งพูดไป

ลัดคิวแปลเพลงนี้ก่อนเพราะชอบมากจริงๆ ทำนองเหงาๆแบบไม่สนโลก มีความเจ็บแต่ก็ไม่แคร์จะเจ็บอยู่ (อินเซ็ปชั่นมากๆค่ะ...คนเขียนน่ะไม่ใฃ่เพลง) คือเพลงมันชีวิตดีเหลือเกินอ่ะคุณ  ชีวิตแม่นางหลอดนั่นแหละ และก็อาจเป็นชีวิตของหลายๆคนด้วยก็ได้ การแปลนี้เราแปลตามความรู้สึกเราตอนฟังเลยนะคะ เพราะฉะนั้นมันจะไม่ตรงกับศัพท์แบบตรงๆ แต่เราเชื่อว่าคุณก็รู้สึกได้แหละ

ภาพแรกที่นึกในหัวตอนฟังเพลงนี้คือคนสองคนขับรถเลียบชายทะเลตอนพระอาทิตย์ตก และเขาสองคนก็ผ่านอะไรมาด้วยกันพอสมควร That slow burn wait while it gets dark, มันเหมือนพระอาทิตย์ตอนกำลังจะตกดิน เหมือนกันอ้อยอิ่งเป็นกองไฟจะดับมิดับแหล่แต่ก็แม่งไม่ยอมตกสักทีเว้ย (แต่พอตกแล้วก็มืดตึ๊บเลย) สีท้องฟ้าตอนนั้นถ้าบ้านเราเรียกว่าผีตากผ้าอ้อมเนอะ เป็นสีช้ำเลือดช้ำหนองเหลืองม่วงส้มฟ้าชมพู นางเลยเรียกว่า Bruiseที่แปลว่ารอยช้ำ (บางคนก็ว่าสีสวยดีออก แต่สำหรับเราท้องฟ้าแบบนี้ฆ่าคนเศร้าได้ง่ายๆเลยแหละ มันเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ต้องคิดคำนึงอะไรสักอย่าง) และนางก็รู้สึกว่าผ่านประสบการณ์หลายๆอย่างร่วมกันกับyouในเพลงมาเยอะเลย ก็เลยรู้สึกเหมือนโตไปด้วยกันในรถ รถก็คือการเดินทางก็ให้ภาพของระยะทางและเรื่องราวที่ต้องฟันฝ่าเหมือนกันน่ะค่ะ ซึ่งพอพูดออกมาแล้วทำไมมันฟังดูโง่ๆ ก็เพราะมันฟังดูเพ้อๆไงล่ะ (คนเวลาเล่าจินตนาการของตัวเองออกมาบางทีก็จะรู้สึกตัวเองเหมือนโง่ๆเอ๋อๆ ไม่รู้ว่าเพราะเขิน หรือายที่แสดงความจริงในใจไปแบบซื่อๆ หรือเพราะกลัวคนอื่นเขาไปเห็นด้วยเลยพูดดักไว้ก็ไม่รู้นะ...)

ตามประสาวัยรุ่น(ใครไม่รุ่นแล้วก็โยงเข้าตัวเองได้นะ 555) ก็รู้สึกว่านิสัยเสียๆที่ไม่หูเข้าตาคนอยู่เยอะที่ต้องแก้ เช่นไม่หลับไม่นอน อันนี้ความหมายหลากหลายมาก แปลง่ายสุดคือวัยรุ่นก็ชอบอยู่กันดึกๆเนอะ แปลลึกหน่อยก็อาจหมายถึงพวกชอบเที่ยว ลึกอีกกกคือพวกขี้กังวล อาการกัดเล็บนั้นเป็นลักษณะของความวิตกจริตและความกังวลอยู่แล้ว ส่วนเธอกัดปากฉันแปลตรงๆมันก็sexเสน่หา แต่แปลอีกอย่างคือมันจะเชิงลบหน่อย อาจหมายถึงทำให้เจ็บด้วยคำพูด(คือเราเข้าใจแต่อธิบายไม่ถูกอ่ะ 5555) ประมาณนั้น ส่วนที่ว่ากัดลิ้นตัวเองถ้าไม่ใช่คนใจลอยหรือพวกลนลานมากๆจนเผลอกัดลิ้นตัวเอง ก็หมายถึงการที่ต้องระวังคำพูดของตัวเอง(ปากไม่ค่อยดีเลยต้องคอยระวังปากตัวเอง) เพราะผู้คนก็เอาแต่พูดไปเรื่อย

 people are talking ในเพลงนี้สำหรับเรามันให้ภาพของการที่คนเอาแต่แสดงความเห็น คนเอาแต่พูดนั่นพูดนู่นพูดนี่ไปเรื่อย ตั้งแต่เรื่องจิปาถะ ตำหนิ ติ ชม ด่า ว่า นินทา ด่าทอ มันเป็นภาพรวมๆของมวลชนที่แม่งกำลังพูดอะไรสักอย่างใส่เราเป็นเสียงเซ็งแซ่ต่างคนต่างพูดจนจับใจความไม่ได้ หรือเป็นเพราะเราไม่สนใจจะฟังมันเลยกลายเป็นเสียงแบ็คกราวน์ที่ฟังไม่รู้เรื่องไป เพราะเธอ(คนร้อง) บอกแล้วว่าจะเต้นไปกับyouแค่สองคน  การเต้นรำแบบนี้มันทำให้นึกถึงฉากพระเอกนางแอกเต้นรำด้วยกันแล้วภาพผู้คนในที่นั้นก็เป็นภาพเบลอๆ เฟดเป็นฉากหลังที่ดูไม่รู้เรื่อง แล้วก็ภาพชัดอยู่แค่คนสองคนที่เต้นวนไปมา การเต้นอาจหมายถึงการใช้ชีวิต การก้าวผ่านเรื่องราวบางอย่าง หรือความสนุกสนาน? ก็แล้วแต่จะตีความแต่ที่แน่ๆ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน เพราะโลกนี้มีแค่ฉันกับเธอแค่เพียงลำพัง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่มีกันสองคนเพราะโลกมันโหดร้ายมีแค่เธอที่เข้าใจ หรือเป็นเพราะเข้ากับคนอื่นไม่ได้อันนี้ก็ลองไปเลือกเอา (หรือเพราะเราuniqueเกินไป?)

Raise a glass ทำให้เรานึกถึงตอน cheers! คือเวลาเจ้าภาพพูดอะไรสักอย่างจนจบทุกคนก็จะยกแก้วขึ้นเหมือนไชโยบ้านเราอ่ะแล้วก็ดื่ม แต่นี่นางยังพูดไม่จบแล้วให้ยกดื่มมันก็เหมือนแดกดันกลายๆว่าไม่ต้องฟังที่กูจะพูดก็ได้ ฉลองกันไปเลย เหมือนสิ่งที่เราจะพูดไม่มีความหมาย (มีแค่คนพูดอวยพรเท่านั้นที่จะชูแก้วตลอดการพูดแล้วพอพูดจบก็ยกดื่ม มันคงไม่มีที่ไหนชูแก้วยกเป็นเกียรติค้างให้จนจบแล้วค่อยดื่มกันทั้งงานหรอกมั้ง) แล้วท่อนต่อไปก็แดกดันกว่าเดิมอีก They all wanna get rough, get away with it อยากให้เรื่องมันแย่หรอก ก็แย่ให้มันเห็นไปเลยสิ ประชดกว่านี้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว 555

All my fake friends and all of their noise ท่อนนี้คือให้ภาพเหมือนตอนเพื่อนเดินมาบอกว่าคะแนนสอบเทอมนี้แย่มากเลยแกรับไม่ได้อ่ะ ได้แค่3.99เอง (ดีออกแก) เพื่อนมาบ่นสารพัดปัญหาชีวิตให้ฟังเหมือนกับว่าเรื่องแม่งแย่ทั้งที่พวกมันเรียนธุรกิจ ใช่ค่ะ แปลตรงๆเลยก็ได้นะว่าเรียนธุรกิจ แต่คนจะเรียนธุรกิจก็ต้องรวยไงล่ะ หรือจะแปลว่ากำลังไปได้ดี ชีวิตกำลังไปได้สวย ทำอะไรเป็นเงินเป็นทอง  แต่ฉันน่ะเรียนพื้น เรียนพื้นหมายถึงสองอย่างคือ hit a low ตกต่ำติดพื้นเลย หรืออีกอย่างนึงคือต้องมองแต่พื้นไปสู้หน้าใครไม่ได้ (นางจะหมายถึงการยอดขายอัลบั้มนางที่มันไม่เปรี้ยงปร้างเท่าตอนแรกรึเปล่าก็ไม่รู้) ส่วนที่ว่าสูบบุหรี่ทั้งคืนนี่คงเป็นเพราะกังวล เพราะส่วนใหญ่ก็สูบบุหรี่คลายเครียดกัน ยิ่งคนไหนเครียดมากก็จะสูบเอาๆ

Maybe the Internet raised us, or maybe people are jerks มันก็หมายความได้ว่าชาวโซเชี่ยลต่างๆที่แสดงความเห็น ต้องยอมรับว่ากระแสโซเชี่ยลทำคนให้เกิดได้ก็ดับได้ในเวลาเดียวกัน นางก็เลยบอกว่าไม่รู้ว่าโตมาได้ด้วยโลกอินเตอร์เน็ตหรือเพราะคนจริงๆแม่งห่วยเกินไป (jerkเป็นแสลงเปลว่าโง่เง่า ไอ้งั่ง) มันค่อนข้างแดกดันเพราะสุดท้ายถ้าอินเตอร์เน็ตมันไม่มีuser(ผู้ใช้งาน) มันก็เท่านั้นอ่ะ

All the double-edged people จริงๆมันแปลตรงๆว่าคนที่เป็นดาบสองคม แต่ว่าแปลแบบบ้านเราคือพวกตีสองหน้า ว่าอีพวกนี้แหละที่ทำอิ๊บอ๋ายแล้วก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (กลับบ้านอาบน้ำอาบท่าแล้วก็เนียนๆไป...) แต่youในเพลงนี้ไม่เหมือนคนอื่น เพราะว่าไม่ได้พูดมากเหมือนpeople แล้วก็จะฝ่าฟันเรื่องนี้ไปด้วยกัน

ชอบท่อนเชื่อมที่บอกว่า ฉันรู้ว่าเราไม่ได้อยู่ตลอดไป แค่รถไฟรถจะชนกัน/รอตกราง วันนี้อาจจะคึกๆกันอยู่แต่วันนึงคงจะหมดไฟ/ตาย/จบความสัมพันธ์ต่อกัน มันตีความได้สามอย่าง คือคนเราเกิดมาแล้วก็ต้องโตผ่านช่วงวัยรุ่น(ไฟแรง) แล้วก็แก่ตายกันไป(stillอยู่นิ่งๆ) หรือ แปลว่าเราไม่ได้ดีดกันแบบนี้ตลอดไปหรอก อาจจะมีวันที่เราหมดไฟ เพราะทนไม่ไหวกับคำพูดของมวลชน หรือ อาจจะหมายถึงความสัมพันธ์ของเรามันคงไม่ดีแบบนี้ตลอดไป วันนึงมันอาจจะพังและเราอาจจะจะตัดขาดกันก็ได้ หลากหลายดีจังเลย

ก็เลยชอบเพราะ1.มันคงจะฟังเพลงนี้ได้ในสถานการณ์ 2.มันก็ดูจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงได้ง่ายมากๆ 3.มันก็สะท้อนให้เห็นชีวิตอันยากลำบากของคนมีชื่อเสียงท่ามกลางคนไม่จริงใจ ชีวิตที่ขยับตัวไปไหนก็ลำบากเหมือนซึมเปื้อนเม็นเล็ดตลอดเวลา มีแต่คนกระหน่ำคำพูดใส่และส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยคิด (พี่อ้วนไปผอมไป ตาห่างไป ผมหยิกไป....อะไรวะ?) ด่ามั่งชมมั่ง เหมือนจะชมแต่แทงข้างหลังมั่ง แต่อย่างน้อยก็มีข้อดีสองอย่างคือในเพลงนี้ยังมีyou  และการที่เธอรู้ว่ามันไม่everlasting...

ถือว่าเป็นเพลงสั้นๆที่เราฟังแล้วเราคิดซะยาวเลยค่ะ...

ความคิดเห็น

  1. ชอบการตีความของคุณคนแปลมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Atlantis

แปลไทย : Sia - Unstoppable

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Oceans