แปลไทยแบบกันเอง : Amber Run - 5AM







จริงๆแล้วเป็นเพลงแรกที่แปล แต่ลงทีหลังซะงั้น เอาเถอะ ยังไงก็ตาม เพลงนี้ค้นพบผ่านการ 'เปิดเพลงในยูทูปไปเรื่อยๆ' อีกเช่นเคย ซึ่งการฟังลักษณะดังกล่าวก็คือ ฟังเอาทำนอง พอติดหู แล้วก็ฟังไปเรื่อยๆ จนวันนึงค่ะ เกิดลองตั้งใจฟังท่อนฮุคแล้วได้ความที่สนใจ ก็เลยนั่งแปลมันทั้งเพลงเลยจ้า ชื่นชอบอีกเช่นเคย มาดูไปด้วยกันนะคะ

---ทำนองเพลงแบบเหงาๆนี่มันดีจังน้าาา---


We run into a dark room
And we spasm to the sounds
Of a copy Morrissey
Or the blues of the Deep South.

เราเข้าไปในห้องมืด
และเราตื่นตัวกับเสียง
ของแผ่นเพลงของMorrissey
หรือเพลงของBlues From The Deep South


And the drugs will only hide it
The feeling never really goes
You won't find love at the bottom
Of a glass seat home.

ยาทำได้เพียงซ่อนมันไว้
ความรู้สึกมันไม่ได้หายไปจริงๆหรอก
เธอไม่อาจหาความรักได้จากข้างใต้โต๊ะกระจกที่บ้านหรอกนะ


And you don't know what you've got until it's gone.
And you don't know who to love until you're lost.
And you don't know how to feel until the moment's passed.
I wish you'd live like you're made of glass.

เธอไม่รู้ว่าเธอได้อะไรมาจนกว่ามันจะจากไป
เธอไม่รู้ว่าเธอรักใครจนกระทั่งเสียเขาไปแล้ว
และเธอไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไร จนช่วงเวลานั้นได้ผ่านพ้นไป
ฉันหวังว่าเธอจะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังนะ


We've got work in the morning
But it's nearly 5am.
Is this really what we envisaged?
We won't be 21 again.


เรามีงานที่ต้องทำในตอนเช้า
แต่ตอนนี้ก็ตีห้าเข้าไปแล้ว
นี่มันเป็นสิ่งที่เราวาดฝันถึงจริงๆหรอ?
เราไม่ได้อายุ21ตลอดไปหรอกนะ


And in the haze you see colours
And problems suddenly make sense.
But the way you've been going
You'll be in an early grave.

ในเมฆหมอก เธอเห็นสีสัน
และเข้าใจปัญหานั้นได้ในทันที
แต่บนเส้นทางที่เธอกำลังจะไป
จะพาเธอไปอยู่ในหลุมฝังศพก่อนเวลาอันควร

And you don't know what you've got until it's gone.
And you don't know who to love until you're lost.
And you don't know how to feel until the moment past.
I wish you'd live like you're made of glass.


เธอไม่รู้ว่าเธอได้อะไรมาจนกว่ามันจะจากไป
และเธอไม่รู้ว่าเธอรักใครจนกระทั่งเสียเขาไปแล้ว
และเธอไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไร จนช่วงเวลานั้นได้ล่วงเลยไป
ฉันหวังให้เธออยู่อย่างระมัดระวังมากกว่านี้


-----------------------------------


คุยกัน เรื่องคำศัพท์

1. Dark room

แปลตรงตัวคือห้องมืดค่ะ ห้องมืดที่ว่ามีสองอย่างนะคะ คือห้องมืดจริงๆ มืดแบบ ปิดไฟ มองอะไรไม่เห็น กับอีกแบบคือห้องมืดสำหรับล้างรูป ซึ่งเราเองก็ไม่รู้ว่านี่มันห้องมืดแบบไหน แต่ถ้าแปลตามอารมณ์เพลงน่าจะห้องมืดแบบมืดจริงๆ (ถึงแม้คำที่ให้มามันจะเอื้อให้เป็นห้องล้างรูปมากๆก็ตามที แต่ถ้าอิงตามMV นี่มันห้องปิดไฟชัดๆ) สิ่งที่ทำให้เราคิดว่ามันคือห้องมืดแบบมองอะไรไม่เห็น คือประโยคต่อมาที่เขาตื่นตัวกับเสียงที่ได้ยินนั่นเองค่ะ เพราะการที่เรามองอะไรไม่เห็นจะทำให้ประสาทสัมผัสส่วนอื่นเราดีมากยิ่งขึ้น เช่น เสียง สัมผัส หรือกลิ่น


2. Spasm

สารภาพเลยว่า วิแรกที่เห็นคำนี้นึกถึงหมูกระป๋อง พอตั้งสติดูอีกที มีs โอเค ตกใจหมด ซึ่งเจ้าspasm ในที่นี้ ทางการแพทย์จะหมายถึง การชักกระตุก การหดเกร็ง ถ้าพูดถึงลักษณะการเคลื่อนไหว เช่น spasm of coughing จะหมายถึง การไออย่างแรงจนตัวงอ แต่ถ้าเป็นสำนวนพูดทั่วๆไป จะหมายถึง การตื่นตัวหรือกระฉับกระเฉงค่ะ

3. A copy Morrissey

คำแรกค่อนข้างคุ้นหูกันนะคะ โดยเฉพาะช่วงนี้อัลบั้ม 25 ของอเดลกำลังทำลายสถิติ เราก็มักจะได้ยินข่าวว่าขายได้ไปกี่ coppyแล้ว
...ค่ะ....

...coppy หมายถึง สำเนา...

แต่ในทางวิศวกรรมหมายถึงต้นฉบับได้ด้วยเช่นกันนะคะ

ที่น่าสนใจจริงๆไม่ใช่coppy แต่เป็นMorrisseyต่างหาก เพราะเขาเป็น " ที่รู้จักในกว้างขวางว่าเป็นผู้ริเริ่มยุคดนตรีอินดี้ นิตยสารเพลง NME ได้ยกย่องมอร์ริสซีย์ว่า "เป็นหนึ่งในศิลปินที่มีอิทธิพลมากที่สุดตลอดกาล" ในขณะหนังสือพิมดิอินดีเพ็นเดนต์กล่าวว่า "ป็อปสตาร์ส่วนมากจะต้องตายก่อนที่จะถึงสถานะชื่อดังในชีวิตของเขา"ในปี 2004 พิซฟอร์กมีเดียเรียกเขาว่า "หนึ่งในบุคคลที่ยอดเยี่ยมในวัฒนธรรมตะวันตก ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา"


จากคำอธิบายข้างต้นฟังดูยิ่งใหญ่มากๆ หากใครสนใจก็ไปตามสืบตามฟังกันนะคะ

** เราลองฟัง The More You Ignore Me, The Closer I Get ดูละ....เนื้อหาใช้ได้นะ


4. The blues of the Deep South

ไม่ต้องแปลนะคะ เพราะมันเป็นชื่ออัลบั้มเพลงแนวFolk blue ในช่วงศตวรรษที่19 ส่วนรายละเอียดไม่แน่ใจค่ะ แต่ถ้าจะให้เดา การที่นักร้องจะยกชื่อนักร้องสักคน หรืออัลบั้มอะไรสักอย่างมาไว้ในเพลงของตัวเองนี่ ก็แสดงว่าคนหรืออัลบั้มดังกล่าวก็ค่อนข้างเป็นที่รู้จักพอสมควรนะคะ (ไม่งั้นคนฟังก็ไม่อินสิ - 3-) โดยBlues หมายถึงชนิดของเพลง ลักษณะเป็นเพลงช้าที่มีจังหวะหนัก ส่วนDeep South หมายถึงทางตอนใต้ของแม่น้ำมิสซิสซิปปี้ในอเมริกาค่ะ


5. glass seat home


จากที่หาข้อมูลมา Glass seat home หรือชุดโต๊ะกระจก ย้ำนะว่าชุด เพราะบางบ้านใช้โต๊ะกระจกไว้รับแขก เช่นบ้านเราเอง แต่คำที่ว่านี้มันไม่ใช่แค่โต๊ะค่ะ มันเก้าอี้ด้วย! โอ๊ย เก้าอี้แก้ว...หุ่นบวมๆอย่างคนแปลนี่นึกแล้วเสียวก้น แตกไปล่ะมึงเอ๊ยยย งามไส้ 555555555 กลับเข้าเรื่องกันต่อ คือคนที่อยู่กันเป็นครอบครัวแบบมีพ่อแม่ลูก มีเด็กซนๆ หรือมีผู้สูงอายุนี่เขาไม่นิยมซื้อไว้ติดบ้านกันนะคะ เพราะมันเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย จากที่ล้มธรรมดาอาจเพิ่มดาเมจเป็นโดนกระจกบาด กระจกทิ่มคอ หรือทิ่มตาบอด ฯลฯ การมีชุดโต๊ะกระจกในบ้าน จึงสื่อถึงบ้านของคนที่อยู่คนเดียว เป็นคนวัยดูแลตัวเองได้ อยู่ลำพังไม่ต้องคอยห่วงว่าโต๊ะกระจกมันจะไปลำบากใคร (เพราะทั้งบ้านมีอยู่คนเดียว) ซื้อมาอาจจะเพื่อใช้ หรือสนองความชอบของตัวเอง สรุปคือ โต๊ะที่ว่านี้มันหมายถึงการจมอยู่กับตัวเองไม่สนใจคนอื่นนั่นเองค่ะ


Attention!!!

หลายเว็บได้กล่าวไว้ว่า ท่อนนี้มันร้อง...of a class C hole... สารภาพตามตรง ไม่แน่ใจค่ะ เพราะเราฟังแล้วมันได้ทั้งสองอย่าง ส่วนตัวเราสรุปไม่ได้ เพราะคนร้องปากเขาอมๆอ่ะเวลาพูด น่้าตีมาก (ถ้าเป็นตอนเราเรียนอยู่ครูจะบอกว่า อ้าปากกว้างๆสิจะอมทำไม เสียงมันไม่ชัด!) แต่จากการยืดและเร่งเสียงเพื่อฟังreleaseแล้ว มันก็คล้ายๆคำนี้อยู่นะ -..-

พูดตรงๆเราหาข้อสรุปไม่ได้ค่ะ เพราะในยูทูปหรือในแฟนเพจคนก็ยังเถียงๆกันอยู่ว่า อีตานี่ร้องว่าไรแว้ ซึ่งถ้าร้องว่า class C hole มีคนเขาบอกว่ามันหมายถึง Class C drugs หรือยาทั่วๆไปที่ไม่ได้มีกฏหมายควบคุมพิเศษ....

ซึ่งแม่งแปลแล้วงงกว่าเดิม 55555 เอาอันแรกละกันค่ะ ความหมายสวยดีด้วย


6. you're made of glass

ยกมาทั้งประโยคเลย เพราะคำส่วนหลังเป็นคำศัพท์พื้นฐานที่เราอ่านก็เก็ทกันอยู่แล้ว ว่ามันแปลว่า 'ทำมาจากแก้ว' พอมารวมเป็นรูปประโยค แปลว่า 'เธอน่ะทำมาจากแก้ว'

...อ่านแล้วนึกถึงอะไรคะ?...

บางคนนี่ 'อ๋อ' เลย เพราะศัพท์ข้อ5มันเฉลยในตัวอยู่แล้ว ถ้าใครยังไม่อ๋อก็ขออธิบายเพิ่มให้ว่า นึกถึงแก้วนะคะ เวลาคุณถือแก้วน้ำที่เป็นแก้วเนี่ย สิ่งแรกเลยที่ต้องระวังคือกลัวมันตกแตก ใช่เลยค่ะ แก้วมันอาจจะแข็งและทนทนา แต่ก็มีความเปราะบางเพราะว่ามันแข็งมากเกินไปนั่นแหละ ซึ่งในเพลงนี้ไม่ได้ใช้ความหมายลึกขนาดนี้นะคะ เขาใช้ความหมายแรกคือ การระมัดระวัง

...I wish you'd live like you're made of glass...

จึงหมายถึง ฉันหวังให้เธอใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง (เพราะเธอเป็นดั่งแก้วที่เปราะบาง) นั่นเอง

'ขีวิตเป็นของเรา ใช้ซะ!' เป็นสโลแกนที่ดูปลุกใจดีนะคะ แต่เราว่า บางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องเต็มที่ซะขนาดนั้นก็ได้ ชีวิตของคนเรามันบอบบางมากๆเลยนะ โดนอะไรนิดหน่อยก็ตายแล้ว (ใครเคยไปดูพิพิธภัณฑ์ที่ศิริราชมาจะเข้าใจค่ะ ตายง่ายจริงๆ ใครไม่เคยไปอยากให้ลองไปนะคะ คุ้มค่ามาก)


7. envisage

แปลว่าคาดคะเน, คิด, จินตนาการ, มองเห็น ไปจนถึงพิจารณา หรือตรึกตรองได้ด้วย แต่ถ้าแปลให้เข้ากับอารมณ์เพลง เราขอแปลว่า 'วาดฝัน'


'ทำไมถึงแปลอย่างนั้น?'


เดี๋ยวเราไปดูอารมณ์เพลงโดยรวมกันอีกทีค่ะ ^^



------------------------------------

เพลงนี้เป็นแนวอัลเทอเนทีฟร็อค ซึ่งเป็นแนวที่เราชอบ เพราะมันมักจะเป็นเพลงที่ความหมายกว้างๆ คนฟังสามารถเอาเรื่องของตัวเองไปผูกกับเพลงได้ ผ่านการตีความจากประสบการณ์ของคนฟัง เพราะฉะนั้น เพลงสำหรับแต่ละคนก็จะมีความหมายต่างกันออกไป โดยเราจะแปลดึงความรวมจากเนื้อเพลงมา แล้วใส่ความหมายที่เราตีความไว้หลังเครื่องหมายโคลอน (:) นะคะ


สำหรับเราแล้ว เพลงนี้เป็นการสะกิดให้หันมาดูว่าเรากำลังใช้ชีวิตยังไง

การเข้าไปในห้องมืดๆแล้วได้ยินเสียงเพลงยุคเก่า : อาจหมายถึงช่วงชีวิตของเราที่ตกต่ำ มองไม่เห็นทางข้างหน้า


พอถึงจุดนั้นเราก็ได้ยินเสียงเพลงเก่าๆ เศร้าๆ ที่คุ้นเคย : (เท่าที่ลองฟังทั้งสองอันก็เศร้าอยู่นะ) ทำให้เราหวนรำลึกถึงอดีตที่ผ่านมา

แต่ตอนนี้มันต่างออกไปจากในความทรงจำ เพราะเราต้องใช้ยาช่วยให้ลบเลือนความรู้สึกบางอย่าง : ยาในที่นี้อาจจะเป็นยาระงับประสาท หรือยาเสพติดนี่ก็แล้วแต่นะคะ ซึ่งยาก็ทำได้แค่ซ่อนความรู้สึกเหล่านั้นไว้ ไม่เคยทำให้มันหายไปได้จริงๆ ยาจึงหมายถึงการหนีปัญหาได้อีกด้วย

และเราคงไม่สามารถตามหาความรัก : อาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาความรู้สึกแย่ๆ

ได้จากใต้โต๊ะกระจกที่บ้าน : การอยู่เพียงลำพังหรือสนใจแต่ตัวเอง

เราจะรู้ว่าควรทำอย่างไรก็เมื่อมันสายไปเสียแล้ว : กว่าจะรู้ว่ามีอะไร หรือรักใคร หรือต้องทำแบบไหน ก็มาเข้าใจเอาตอนที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว(อันนี้คนแปลเป็นประจำ 5555)

ฉัน(คนร้อง)จึงหวังให้เธอใช้ชีวิตอย่างทะนุถนอมเหมือนแก้วที่บอบบาง : ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท จะได้ไม่มาเสียใจทีหลัง

งานที่ต้องทำในตอนเช้า : สื่อถึงวิถีชีวิตของคนทั่วไป ที่ถูกสังคมสร้างให้มองว่า การทำงานคือวิถีชีวิตที่ทุกคนต้องทำ เพื่อที่จะเลี้ยงดูตัวเองหรือครอบครัวก็แล้วแต่บุคคล

แต่ตอนนี้มันก็ใกล้เช้าแล้ว : แสดงว่า มีปัญหากังวลใจจนนอนไม่หลับ และมีนัยยะแฝง คือคนส่วนใหญ่ที่ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้ามืด คือคนที่เป็นพนักงานบริษัท พนักกงานประจำ หรือคนที่รับจ้างต่างๆ พูดตรงกว่านั้นคือเงินเดือนไม่สูงมาก เพราะมันไล่ได้ตั้งแต่พนักงานบริษัทยันจับกัง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เหมาหมดไม่ได้นะคะ เพราะทุอย่างมันมีข่้อยกเว้น บางทีอาจจะมีCEOบางคนตื่นไปทำงานแต่เช้าก็ได้ แต่ที่แน่ๆ คนที่ตื่นแต่เช้าแบบนี้ส่วนใหญ่ไม่มีอิสระในการทำงานน่ะค่ะ ชีวิตมักจะถูกผูกไว้ด้วยตารางเวลาซะส่วนใหญ่


จากนั้นคนร้องก็ถามว่า 'นี่คือสิ่งที่เราวาดผันไว้จริงๆหรือ?' : ที่เขาถามคือถามว่า ไอ้ชีวิตที่ต้องทำงาน หาเงินมา แล้วก็ใช้จ่ายไป (จะเป็นการใช้จ่ายแบบไหนก็แล้วแต่ อันนี้คนฟังผูกเรื่องตัวเองได้ตามสบาย) ชีวิตที่วนลูปอยู่แบบนี้ ตื่นเช้าเพื่อไปทำงานหาเงิน กลับมาบ้านนอน แล้วพรุ่งนี้ก็ไปทำงาน ชีวิตแบบนี้คือสิ่งที่เราต้องการจริงๆหรอ?

พวกเราไม่มีโอกาสจะอายุ21อีกแล้วนะ : หมายถึง ชีวิตช่วงวัยที่มีฝัน มีแรงบันดาลใจอันเปี่ยมล้น และมีแรงจะทำตามความต้องการของตัวเองมันสั้น และมันถูกแล้วหรอที่จะใช้ไปกับการทำงานหาเงิน หรือเป็นแค่หุ่นยนต์ตัวหนึ่งในระบบสำนักงานเท่านั้น

จากปัญหาทั้งหมดที่เจอมา เวลาที่เรามองฟ้าแล้วเห็นเมฆหมอก มันก็เหมือนบรรลุขึ้นมาในใจว่า ชีวิตมันก็อย่างนี้แหละ แต่ทว่า บนเส้นทางที่เราเลือกเดินมาจนมาเห็นท้องฟ้านี่ กลับทำให้เราตายไวขึ้น : แปลของทั้งย่อหน้านี้ก็คือ ปัญหาที่ตอนแรกๆเราไม่เข้าใจ เราก็พอจะเข้าใจมันขึ้นมาบ้าง (จากห้องมืด ตอนนี้มองเห็นท้องฟ้าแล้ว) หลังจากใช้เวลาใคร่ครวญกับมัน ซึ่งกว่าจะตระหนักได้ว่าปัญหาคืออะไร กว่าจะมองเห็นทางออกของปัญหา เวลาก็ผ่านไปนานซะจนไม่อาจจะกลับไปเลือกทางเดินใหม่ได้แล้ว เพราะตอนที่จมอยู่ในความมืดก็คลำทางมาเรื่อยๆ แต่ทางที่เลือกเดินดันเป็นการใช้ชีวิตที่ผิดพลาด หรือการใช้ชีวิตเกินคุ้ม เช่นเสพยา ติดพนัน ไปจนถึงการก้มหน้าก้มตาทำงานจนตัวเองป่วย หรือทำงานจนแก่ พอแก่แล้วอยากทำนั่นนี่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีแรงจะทำ (อันนี้โยงเข้ากับประสบการณ์ได้เลยค่ะ ^^)

ความคิดเห็น

  1. ทำนองเพลงช่าง....ฟังแล้วรู้สึกต่ำตมดีแท้ เพลงนี้ตีความยากจัง จขบ.หาข้อมูลประกอบเยอะดีค่ะ ชอบๆ ถ้าไม่อ่านข้อมูลข้างล่างด้วยนี่งงตาย ไปไม่เป็นเลย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แนวเพลงมันมาแบบนี้ค่ะ เราว่าฟังเพลงสไตล์นี้แล้วสนุกดี มันได้คิด มันผูกเรื่องได้ ฟังตอนชีวิตตกต่ำนี่ดาร์กมาก 555555 ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ ^^

      ลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Atlantis

แปลไทย : Sia - Unstoppable

แปลไทยแบบกันเอง : Seafret - Oceans