แปลไทยแบบกันเอง : Imagine Dragons - Believer
**Attention** เพลงนี้หากต้องการเพิ่มอรรถรสในการฟัง
เปลี่ยนจากคำว่าฉัน-เธอ เป็น กู-มึง นะคะ แล้วก็ขออนุญาตซับนรกในบางคำ
First
things first
I'ma
say all the words inside my head
I'm
fired up and tired of the way that things have been, oh-ooh
The
way that things have been, oh-ooh
ก่อนอื่นเลยนะ
อย่างแรกเลย
ฉันจะพูดทุกคำ
พูดทุกอย่างที่ฉันคิด
ว่าฉันทั้งโกรธแล้วก็เหนื่อยกับทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้น
ทุกสิ่งที่แม่งเป็นอยู่นี่
Second
thing second
Don't
you tell me what you think that I can be
I'm
the one at the sail, I'm the master of my sea, oh-ooh
The
master of my sea, oh-ooh
แล้วก็อย่างที่สองนะ
อย่ามาสะเออะบอกว่าฉันเป็นอะไรได้บ้าง
เพราะฉันเป็นคนใช้ชีวิตของฉัน
ฉันเป็นเจ้าชีวิตฉันเอง
เป็นเจ้าชีวิตของฉันเอง
I
was broken from a young age
Taking my sulking** /
soul in
to the masses
Writing
my poems for the few
That
looked at me took to me, shook to me, feeling me
Singing
from heartache from the pain
Take
up my message from the veins
Speaking
my lesson from the brain
Seeing
the beauty through the...
Pain!
ฉันเหลวแหลกมาตั้งแต่เด็ก
เอาความเกรี้ยวกราดของฉันไปลงกับผู้คน / พาชีวิตฉันไปสู่ความวุ่นวาย
เขียนบทกวีของฉันให้ไม่กี่คนอ่านมัน
แต่เขามองมาที่ฉัน
เข้าหาฉัน ปลุกฉัน รู้สึกถึงตัวฉัน
ฉันจึงร้องเพลงจากรักร้าว
ร้องจากความเจ็บปวด
กลั่นเอาข้อความจากตัวตนของฉัน
เล่าบทเรียนจากความทรงจำ
เห็นความงามผ่าน
ความเจ็บปวด
You
made me a, you made me a believer, believer
Pain!
You
break me down, you build me up, believer, believer
Pain!
I
let the bullets fly, oh let them rain
My
life, my love, my drive, it came from...
Pain!
You
made me a, you made me a believer, believer
เธอทำให้ฉัน
เธอน่ะทำให้ฉันเป็นผู้ศรัทธา
โอ้
ความเจ็บปวด
เธอทำให้ฉันผิดหวัง
แล้วก็สร้างฉันขึ้นมาให้ผู้เลื่อมใส ผู้เชื่อใน
ความเจ็บปวด
ฉันปล่อยให้ความเจ็บปวดมันโบยบินไปทั่ว
ให้มันโหมกระหน่ำเข้ามา
ชีวิต
ความรัก แรงขับของฉัน มันมากจาก
ความเจ็บปวด
เธอทำให้ฉันเป็นสาวก
เป็นผู้ศรัทธา
Third
things third
Send
a prayer to the ones up above
All
the hate that you've heard has turned your spirit to a dove, oh-ooh
Your
spirit up above, oh-ooh
อย่างที่สามนะ
สวดภาวนาต่อคนบนฟ้านั่นเถอะ
ทุกความเกลียดชังที่ท่านได้ยินจะปล่อยจิตวิญญาณของท่านให้เป็นอิสระ
จิตวิญญาณของคนข้างบนนั่น
I
was choking in the crowd
Living
my brain up in the cloud
Falling
like ashes to the ground
Hoping
my feelings, they would drown
But
they never did, ever lived, ebbing and flowing
Inhibited,
limited
'Til
it broke up and rained down
It
rained down, like...
ฉันโคตรอึดอัดตอนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
ปล่อยความคิดของฉันให้ล่องลอยไป
แล้วก็ตกลงมาบนพื้นดินเหมือนเถ้าธุลีไร้ค่า
หวังว่าความรู้สึกของฉันจะจมลงไป
แต่มันไม่เคยเป็นแบบนั้น
มันยังอยู่ ไหลบ่าลงไป
ถูกเหนี่ยวรั้งไว้
ถูกจำกัด
จนกระทั่งพังทลาย
และกระหน่ำลงมา
มันกระหน่ำลงมาเหมือน
Pain!
You
made me a, you made me a believer, believer
Pain!
You
break me down, you build me up, believer, believer
Pain!
I
let the bullets fly, oh let them rain
My
life, my love, my drive, it came from...
Pain!
You
made me a, you made me a believer, believer
ความเจ็บปวด
เธอทำให้ฉัน
เธอน่ะทำให้ฉันเป็นผู้ศรัทธา
โอ้
ความเจ็บปวด
เธอทำให้ฉันผิดหวัง
แล้วก็สร้างฉันขึ้นมาให้ผู้เลื่อมใส ผู้เชื่อใน
ความเจ็บปวด
ฉันปล่อยให้ความเจ็บปวดมันโบยบินไปทั่ว
ให้มันโหมกระหน่ำเข้ามา
ชีวิต
ความรัก แรงขับของฉัน มันมากจาก
ความเจ็บปวด
เธอทำให้ฉันเป็นสาวก
เป็นผู้ศรัทธา
Last
things last
By
the grace of the fire and the flames
You're
the face of the future, the blood in my veins, oh-ooh
The
blood in my veins, oh-ooh
But
they never did, ever lived, ebbing and flowing
Inhibited,
limited
'Til
it broke up and rained down
It
rained down, like...
แล้วก็อย่างสุดท้ายนะ
ด้วยความสง่างามของไฟและเปลวเพลิงที่แผดเผาอยู่นี่
เธอคือโฉมหน้าของอนาคต
เป็นเลือดในกายฉัน
เป็นส่วนหนึ่งของตัวฉัน
แต่มันไม่เคยเป็นแบบนั้น
มันยังคงอยู่ ไหลบ่าลงไป
ถูกขัดขวาง
ถูกจำกัด
จนกระทั่งพังทลาย
และโหมกระหน่ำ
มันโหมกระหน่ำเหมือน
Pain!
You
made me a, you made me a believer, believer
Pain!
You
break me down, you build me up, believer, believer
Pain!
I
let the bullets fly, oh let them rain
My
life, my love, my drive, it came from...
Pain!
You
made me a, you made me a believer, believer
ความเจ็บปวด
เธอทำให้ฉัน
เธอน่ะทำให้ฉันเป็นผู้ศรัทธา
โอ้
ความเจ็บปวด
เธอทำให้ฉันผิดหวัง
แล้วก็สร้างฉันขึ้นมาให้ผู้เลื่อมใส ผู้เชื่อใน
ความเจ็บปวด
ฉันปล่อยให้ความเจ็บปวดมันโบยบินไปทั่ว
ให้มันโหมกระหน่ำเข้ามา
ชีวิต
ความรัก แรงขับของฉัน มันมากจาก
ความเจ็บปวด
เธอทำให้ฉันเป็นสาวก
เป็นผู้ศรัทธา
ขอบทั้งMV ทั้งเพลง
คือเป็นแฟนวงนี้เหมือนกันเดี๋ยวจะทยอยแปลลงนะ เพลงนี้มันส์ดีในความรู้สึก
กระแทกกระทั้นดี ตัวเพลงว่าด้วยความขุ่นเคืองเป็นเบส เพราะท่อนแรกนางบอกว่านางfire up คือโกรธแล้ว
แล้วก็เหนื่อยหน่ายเหลือเกินกับสิ่งที่เป็นอยู่
เพราะฉะนั้นจึงเป็นการพูดด้วยภาวะเหลือจะทนแล้วอิด๊วกซ์ อ้าว ว้า อินเนอร์มา
แย่จริมๆ 55555 ค่ะ ก็พูดด้วยอารมณ์แหละว่าเออ วันนี้จะพูดแม่มให้หมดเล๊ยยยย
ท่อนสองบอกว่า ไม่ต้องเสนอหน้ามาบอกนะว่ากูจะเป็นอะไรได้บ้าง
แสดงให้เห็นว่า you
ในท่อนนี้คือคนที่ต้องเสือก และพยายามสิงคนร้องมาสักพักนึงแล้วว่าเป็นนั่นสิ นี่สิ
อะไรทำนองนี้ เพราะคนร้องเป็นคนใช้ชีวิตเองจ้า sailคือการออกเรือ ซึ่งสื่อได้ถึงการใช้ชีวิต (คนชอบเปรียบทะเลเป็นชีวิต)
เพราะฉะนั้นถ้าsailคือการใช้ชีวิต
เจ้าของทะเลก็คือเจ้าของชีวิต แปลมาเป็นภาษาง่ายๆคือกูเป็นนายตัวเอง นี่ชีวิตกู
กูใช้เอง ไม่ต้องเสือก (ไม่รู้เพลงมันโหดหรือคนแปลแปลโหดเอง 55555)
ท่อนฮุคคือเหมือนกับว่าคนร้องเจออะไรมาเยอะแล้ว เจ็บจนชิน และค้นพบว่าเฮ้ย
ความเจ็บนี่แม่งของดี และกลายเป็นมาโซ..... จริงๆเราก็ไม่รู้ว่า masochist ของคนไทยเป็นไงนะ
แต่สำหรับเรา เราแปลตรงๆว่าเป็นผู้นิยมความเจ็บปวดแบบไม่ใช่เรื่องเพศนะ
คือการที่เจ็บและมีความสุขมันก็ไม่ใช่ฟิน อร๊างๆ เสมอไปนะคุณ
มันมีโมเม้นท์อื่นด้วยเช่นอิ่มเอมใจ นึกไม่ออกลองนึกถึงพวกตัวร้ายโลกมืดอ่ะ
เห็นเขามีความสุขกันแล้วสะอิดสะเอียนแต่เจอเรื่องแย่ๆแล้วยิ้มร่าเริงสดใส
คือมันเป็นโมเมนท์แบบนั้นก็มี
หมายถึงความเจ็บปวดทางใจที่นำมาซึ่งความสุขทางใจก็ได้นะคุณ ไม่ใช่ว่าโซ่ แส้
กุญแจมือ เทียนแดง ชกท้องน้อย ต่อยปากแตกอย่างเดียวนะ
อย่างบางคนจะรู้สึกสบายใจกับการอยู่ในภาวะกดดัน หรืออยู่กับความเศร้า (เช่น
อิชั้น) เพราะมันรู้สึกว่า เออ นี่แหละชีวิต ความสุขแม่งเป็นแค่ฉากหน้า
เป็นขนมหวานงั้นๆไม่ได้แก่นสารอะไร ความทุกข์ความเศร้านี่สิของแท้ ถาวรยืนยง
เล่าเรื่องเศร้ากี่ครั้งถ้าไม่เศร้ามันก็ได้ข้อคิด ได้สัจธรรม
แต่เล่าเรื่องตลกเรื่องมีความสุขซ้ำๆมันก็ไม่ตลกแล้วก็ไม่ได้สุขเท่าเดิม
นี่ก็เป็นแนวคิดหนึ่งในเพลงด้วยเพราะคนร้องถึงขั้นกับกลายเป็นbeliver ของpainกันเลยทีเดียว เราชอบตรงท่อน I let the bullets fly, oh let them rain
มันให้ภาพเหมือนฉากตอนโจ๊กเกอร์นอนอยู่กลางดงมีดที่เขาบรรจงจัดเรียงไว้รอบกายในเรื่องSuicide Squad คือแบบ หลุดไปแล้วจ้า
มีอีกฉากนึงคือ MV Jinx ของเกม League
of Legends (ประมาณนาทีที่
1.50) มันโมเมนท์นั้นเลยคุณ แบบ อ่าห์ ฟิน ที่เราไม่ได้แปลbullet ว่ากระสุนเพราะว่ามันมีสำนวน bite a bullet แปลว่ากัดฟันทนผ่านความเจ็บปวด
ก็เลยแปลตามนัยยะของมันไปเลย
ส่วนตัวคิดว่านอกจากจะหมายถึงความเจ็บปวดแล้วยังหมายถึงปัญหาหรือเรื่องแย่ๆต่างๆด้วย
ซึ่งเพราะสารพัดสิ่งที่เข้ามาเป็นแบบนั้นก็เลยทำให้ My
life, my love, my drive, it came from...pain!!! นั่นเองจ้า
(ปกติเขามีแต่ยาสีฟันZalt เค็มแต่ดี
เพลงนี้สโลแกนคือ Pain เจ็บแต่ดี)
ท่อนสามนี่บอกเลยว่าคือมันต้องอาการหนักระดับนึงแล้วถึงจะเล่นใหญ่เบอร์นี้
คือท่อนนี้ท้าพระเจ้าเลยว่าให้ฟังคำสวดอ้อนวอนด้วยความเกลียดชังของเขาซะแล้วพระเจ้าจะรู้สึกเบาสบายไม่ซึมเปื้อนกันเลยทีเดียว
ท่อนต่อมาอันนี้แสดงให้เห็นถึงความIntrovertของคนร้อง เพราะเขารู้สึกไม่สบายใจในการอยู่ท่ามกลางผู้คน
และชอบที่จะอยู่ในโลกของความคิดของตัวเองมากกว่า (หาอ่านเรื่องราวของความin-extrovertได้ในกูเกิ้ล)
แต่พอกลับมาอยู่ในโลกแห่งความจริง(พื้นดิน)แล้วมันแล้วรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไร้ความหมายเหมือนฝุ่นธุลี
เขาเคยหวังให้ความรู้สึกนี้มันหายไป สังเกตตรงคำว่าdrown ที่แปลว่าจม มันเป็นลักษณะของการหายไปแบบไม่จริงอ่ะค่ะ
คือหายไปแบบโดนกดให้จมลงไป
เหมือนไม่แสดงออกในชีวิตประจำวันแต่อยู่ในจิตใต้สำนึกส่วนลึก
ก็คือแสดงว่าเขากำจัดมันไปไม่ได้ แต่รู้ว่าเป็นแล้วอยู่ยากเลยเลือกที่จะไม่แสดงออก
แต่นอกจากมันจะไม่ drown แล้ว
มันยังever livedอีกต่างหาก (แหงซะ แก้ปัญหาผิดจุดสุดๆ
เหมือนมีไข่เน่าอยู่ลูกนึงแต่ไม่เอาไปทิ้ง ไม่ไปทำอย่างอื่น
แต่เก็บมันอยู่ใต้หมอนใต้เตียงอ่ะค่ะ...)
ความรู้สึกของเขาก็เลยกลายเป็นว่ายิ่งนานวันยิ่งสะสม
ยิ่งถูกบีบอัดก็ยิ่งมีแรงเครียด (ศัพท์วิทย์) มันก็เลยระเบิดตู้มเป็นโกโก้ครั้นขึ้นมาในวันหนึ่ง
จากที่พยายามหลีกเลี่ยงกลับกลายเป็นตอนนี้เป็นแบบที่หลีกเลี่ยงไปซะเต็มตัวเลย
ท่อนสุดท้ายว่าด้วยปัญหาทั้งหมดที่เผชิญอยู่
เพราะไฟเป็นสัญลักษณ์ของปัญหา และความวุ่นวาย (วอดวายด้วย 5555) ด้วยคุณความดีของมัน
ความเจ็บจะเป็นอนาคตของเขา และเป็นส่วนหนึ่งของตัวเขา
ที่แปลแบบนี้เพราะเขาบอกว่าเป็นเลือดในร่างกายของเขา
ถ้าแปลให้มันเป็นเชิงนามธรรมมันก็จะเป็นเหมือนตัวตนหนึ่ง
ส่วนหนึ่งของตัวเขานั่นเอง
ก็สมแล้วที่เป็นผู้ศรัทธาของความเจ็บปวดล่ะค่ะ
เอ้อ เกือบลืมMV เท่ห์ดีนะ
แบบลุงDolph Lundgren จะ60แล้ว
แต่แบบเท่ห์มากอ่ะ ให้ภาพนักมวยโคตรคูลที่เก๋าประสบการณ์ได้ดีมาก MVเหมือนเปรียบชีวิตเป็นสังเวียน
บางครั้งเจ็บแสนเจ็บ รู้ว่าทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร อยากจะหยุด แต่มันหยุดไม่ได้
เพราะกติกาของมันคือต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้ คุณจะเดินออกกลางเกมส์ไม่ได้
ก็ต้องตายกันไปข้างนึง ซึ่งคนที่แพ้ก็จะโดนตีตราให้เป็นสาวกของความเจ็บปวด (จริงๆตราของวงนั่นแหละ
คิดว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์ของอัลบั้มหน้า 5555)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น