แปลไทยแบบกันเอง : Jess Glynne - Take Me Home
เปิดเพลงในยูทูปไปเรื่อยๆ
แล้วก็มาเจอเพลงนี้ ตอนฟังครั้งแรกก็ไม่ได้สนเนื้อเพลงมันหรอกนะ แบบ เออ
ทำนองมันเพราะดี ได้นะเนี่ย ติดหูๆ แล้วก็ฟังไปเรื่อยๆ
(เพราะเราชอบฟังเอาทำนองแล้วก็นั่งทำอย่างอื่นไปด้วยน่ะ 555555) จนวันนึงค่ะ
มันก็มีความพีคในชีวิตแล้วเพลงนี้มันก็ลอยวนในหัว
เราก็เลยลองฟังอย่างตั้งใจดู...ชอบว่ะ เลยออกมาเป็นการแปลแบบสไตล์เรานะ 55555
** บอกก่อนเลยว่าไม่ได้เรียนเอกEng
หรือเชี่ยวชาญงานEngโดยตรง คือชอบฟังเพลง และใช้สื่อสารบ้างในการทำงาน
ผิดพลาดอะไรก็คุยกันได้นะคะ (เบาๆนะยู มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน)
*** แปลเอาเนื้อความนะคะ เพราะเราฟังโดยรวม
ถ้าอ่านตามแล้ว'มันไม่ตรงตามทุกคำ' หรือ 'ทำไมมันสลับบรรทัดกันฟระ' ไม่ต้องตกใจ
เพราะแต่ละภาษามันมีวิธีการพูดต่างกันจ้า
Wrapped
up, so consumed by
All
this hurt
If
you ask me, don't
Know
where to start
หมกมุ่น
และถูกกลืนกินจากความเจ็บปวดทั้งหมดนี่
หากเธอถามฉัน
ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าจากตรงไหนก่อนดี
Anger,
love, confusion
Roads
that go nowhere
I
know that somewhere better
Cause
you always take me there
ทั้งโกรธ รัก
และสับสน
เส้นทางนี้ไม่รู้จุดหมาย
แต่...ฉันรู้จักที่ที่ดีกว่านี้นะ
เพราะเธอน่ะ
พาฉันไปที่นั่นเสมอ
Came
to you with a broken faith
Gave
me more than a hand to hold
Caught
before I hit the ground
Tell
me I'm safe, you've got me now
ฉันมาหาเธอพร้อมความเชื่อที่พังทลาย
ได้โปรดให้ฉันมากกว่าแค่การกุมมือ
จับฉันไว้
ก่อนที่ฉันจะร่วงลงกระแทกพื้น
บอกฉันว่าปลอดภัยแล้ว
เธอได้ตัวฉันแล้ว
Would
you take the wheel
If
I lose control?
If
I'm lying here
Will
you take me home?
เธอจะหยุดฉันไหม?
หากฉันคุมตัวเองไม่ได้
ถ้าฉันนอนลงตรงนี้
เธอจะพาฉันกลับบ้านไหม?
Could
you take care
Of
a broken soul?
Will
you hold me now?
(x4)Oh,
will you take me home?
เธอจะช่วยดูแล
จิตใจที่แหลกสลายนี้ได้รึเปล่า?
เธอจะกอดฉันเลยไหม?
เธอจะพาฉันกลับบ้านใช่ไหม?
Hold
the gun to my head
Count
1, 2, 3
If
it helps me walk away then it's
What
I need
เอาปืนจ่อที่หัว
แล้วนับ
1ถึง3
หากมันช่วยให้ฉันจากไปได้
มันจะเป็นสิ่งที่ฉันต้องการ
Every
minute gets easier
The
more you talk to me
You
rationalize my darkest thoughts
Yeah
you, set them free
ยิ่งเธอพูดกับฉันมากเท่าไหร่
มันก็ยิ่งค่อยๆง่ายขึ้น
เธอให้เหตุผลกับความคิดอันดำมืดของฉัน
ใช่...เธอปลดปล่อยฉัน
Came
to you with a broken faith
Gave
me more than a hand to hold
Caught
before I hit the ground
Tell
me I'm safe, you've got me now
มาหาเธอด้วยความเชื่อที่พังทลาย
ได้โปรดให้ฉันมากกว่าการกุมมือกัน
จับฉันไว้
ก่อนที่ฉันจะร่วงลงกระแทกพื้น
บอกฉันว่าปลอดภัยแล้ว
เธอได้ตัวฉันแล้ว
Would
you take the wheel
If
I lose control?
If
I'm lying here
Will
you take me home?
เธอจะหยุดฉันไหม?
หากฉันคุมตัวเองไม่ได้
ถ้าฉันนอนลงตรงนี้
เธอจะพาฉันกลับบ้านไหม?
Could
you take care
Of
a broken soul?
Oh,
will you hold me now?
(x3)Oh,
will you take me home?
เธอจะช่วยดูแล
วิญญาณที่แหลกสลายนี้ได้รึเปล่า?
เธอจะกอดฉันเลยไหม?
เธอจะพาฉันกลับบ้านใช่ไหม?
(x2)You
say space will make it better
And
time will make it heal
I
won't be lost forever
And
soon I wouldn't feel
Like
I'm haunted, oh falling
เธอบอกว่าระยะห่างจะช่วยให้เรื่องดีขึ้น
และเวลาจะช่วยเยียวยา
ฉันจะไม่สูญเสียตลอดไป
และอีกไม่นาน
ฉันจะไม่รู้สึก
ไม่สบายใจ
หรือตกต่ำ
Would
you take the wheel
If
I lose control?
If
I'm lying here
Will
you take me home?
เธอจะหยุดฉันไหม?
หากฉันคุมตัวเองไม่ได้
ถ้าฉันนอนลงตรงนี้
เธอจะพาฉันกลับบ้านไหม?
Could
you take care
Of
a broken soul?
Oh,
will you hold me now?
Oh,
will you take me home?
Oh,
will you take me home?
Oh,
will you take me home?
Oh,
will you take me home?
Oh,
will you take me home?
Home
Oh,
will you take me home?
Oh,
will you take me home?
เธอจะช่วยดูแล
วิญญาณที่แหลกสลายนี้ได้รึเปล่า?
เธอจะกอดฉันเลยไหม?
เธอจะพาฉันกลับบ้านใช่ไหม?
------------------------------------
คุยกัน
เรื่องคำศัพท์
1.
Wrap
คุ้นๆใช่ไหมคำนี้
เราเจอในชีวิตประจำวันบ่อยเนอะ
เวลาที่เห็นคำนี้แล้วจะนึกถึงการห่อสารพัดจะห่อถ้าแปลตรงตัวก็คือ ห่อ พัน ห่ม
หรือจะแปลว่าผ้าพันคอ,ผ้าคลุมก็ได้ แต่คำนี้มันไม่ได้มาคำเดียวจ้า มันมี up
ติดสอยห้อยท้ายมาด้วย ถ้าแปลตรงตัวง่ายๆคือ
wrap up
>> หาอะไรมาห่อตัวเองไว้นะ >>
สวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นนะ นั่นเอง
แต่ถ้าเป็นแสลงจะแปลว่า เงียบ ค่ะ (อารมณ์ประมาณ ห่อปากเอ็งไว้ซะ
ไม่ต้องพูด)
แต่! ถ้าเป็นในเชิงงานเขียนหรือในบางบริบท จะมีความหมายว่า 'สรุป'
ex. That just about wraps
it up for today.
นั่นคือห่อรวมสำหรับวันนี้ >> นั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้
แต่มันมีอีกคำค่ะ คือ wrapped up in เป็นสำนวน ที่แปลว่าเกี่ยวข้องมาก,
สาละวน หรือหมกมุ่น จมอยู่กับs'th จมอยู่ในs'th
(สองอันหลังนี่คือคำแปลของเราเองนะ)
เพราะมันเป็นการห่อหรือถูกห่อเอาไว้ด้วยบางอย่าง ให้เราต้องอยู่กับสิ่งนั้น คนนั้น
หรือเหตุการณ์นั้น เราเลยเลือกใช้ความหมายนี้ แม้ว่าในประโยคของเพลงจะไม่เห็นคำว่า
in ก็ตาม
2.consume
คุ้นๆอีกแล้ว
consumerไง หรือผู้บริโภคไงที่เราคุ้นเคยกัน consumeก็คือการเสพ บริโภค
หรือการใช้สิ่งต่างๆนั่นเอง แต่ก็นะ เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง! เขาพาbyมาด้วย
ทีนี้ก็บันเทิงเลยคุณเพราะนางแปลได้หลากหลายตามบริบทมาก แต่ความหมายหลักคือการ
'เสพ'
ex. The man became
consumed by greed.
มนุษย์ถูกครอบงำด้วยความโลภ
The interior of the
building has been entirely consumed by the fire.
การตกแต่งภายในอาคารได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ทั้งหมด
ในที่นี้เลยแปล consumed by ว่า ถูกกลืนกินนะคะ เพราะมันเข้ากับบริบทเพลง
และมีsoข้างหน้มาช่วยเน้นย้ำความหนักของกริยาที่เกิดขึ้น
3.take
the wheel
ปกติแปลว่าล้อ
หรือพวงมาลัยรถก็ได้ ในบริบทเพลงเราว่าอย่างหลังนะ
'คุณจะจับพวงมาลัยไหมเวลาที่ฉันเสียการควบคุม?'
คือถ้าแปลตรงขนาดนี้เอาไว้คุยกับรถนะ 5555555
ถ้าแปลภาษาพูดก็คือคุณจะหยุดหรือคอยประคองฉันไหมเวลาที่คุมตัวเองไม่ได้นั่นเอง
4.rationalize
หมายถึง
แสดงเหตุผล อธิบายโดยใช้เหตุผล หรือจัดให้เป็นระบบ ไปจนถึงเป็นคนมีเหตุผลก็ได้นะคะ
จากประโยคนี้ของเพลงเราเข้าใจ(ตามอินเนอร์)นะ
...You rationalize my
darkest thoughts. Yeah you, set them free....
เวลาที่คนเรามีปัญหาหรือจมอยู่กับความจ็บปวดและเรื่องเลวร้ายคือตอนที่เราเข้าสู่ด้านมืดในจิตใจ
จะคิดแต่เรื่องแย่ๆ แต่พอมีคนมาให้เหตุผลกับความคิดดำมืดของเรา
ค่อยๆอธิบายว่าเราคิดแบบนี้เพราะอะไร ทำไมเราถึงอยากทำแบบนั้น
ก็เหมือนค่อยๆมีคนมาคลายปมในใจเรานั่นเองค่ะ
5.space
นอกจากจะแปลว่าอวกาศ
หรือช่องว่างแล้ว ยังหมายถึงพื้นที่หรือระยะห่างได้ด้วย
ในเพลง(ตามการตีความ)ของเราหมายถึง การกันตัวเองออกมาจากปัญหานั้น
หรือก็คือการเว้นช่องว่างให้ตัวเอง ห่างๆเรื่องร้ายๆออกมาหน่อย
อย่าไปอยู่ติดกับมันมาก
เพราะถ้าเราลองถอยห่าง(อย่าผวนนะคะที่รัก > 3<)
ออกมาจากเรื่องไม่ดีแล้ว
ความคิดเราและความรู้สึกเราก็จะกว่าการไปคิดถึงเรื่องเดิมๆอยู่ตลอดเวลา
เหมือนกำแพงหนาม ถ้าเราเข้าหามันตลอดเวลาก็เจ็บอยู่แบบนั้น ห่างๆบ้างจะดีกว่า
6.haunted
คำอัศจรรย์(สำหรับเรา)
มันให้ได้ทั้งอารมณ์ผีๆและความหลอกหลอนทางสภาวะจิต
โดยส่วนใหญ่ที่เราเจอก็จะเป็นแนวๆบ้านผีสิง หรือหนังสยองขวัญนะคะคำนี้
เพราะความหมายของมันถ้าใช้กับสถานที่(ซึ่งคนไทยชอบเรื่องลี้ลับ)
ก็จะกลายเป็นบ้านผีสิง ปราสาทผีสิง อะไรก็ว่ากันไป
นอกจากนั้นยังหมายถึงการรบกวน(ผีหลอกก็รบกวนคนไง ทำนองนี้)
หรือการชุมนุมได้ด้วย
แต่ในเนื้อหาเพลงส่วนใหญ่ที่พบ มักจะอยู่ในช่วงความหมายของการรบกวนค่ะ
ซึ่งก็คือ การหลอกหลอน แบบ...ไปที่ไหนก็ตามไปในความคิดทุกที่
ไม่ได้อย่างจะคิดก็มาอยู่ในความคิดเรา เป็นอะไรที่น่ารำคาญมากๆ 5555555
จากความหมายดังกล่าว คือการหลอกหลอน >> ทำให้เกิดความไม่สบายใจ
เราเลยเลือกใช้คำว่าไม่สบายใจให้มันดูซอฟลงและอ่านแล้วไหลลื่นมากขึ้น
ให้ภาพกลางๆของความรู้สึกแย่ เพราะถ้าใช้หลอกหลอนมันก็จะ Strong!
(หน้าเมนเทอร์เกดลอยมา...)ไปสำหรับอารมณ์ของการปลอบใจคนอื่น
(ถ้าเราถูกคนอื่นปลอบมาแล้ว ส่วนใหญ่ความคิดแง่ลบจะเบาลง เลยคิดว่าใช้คำนี้ดีกว่า
นอกจากนั้น ถ้าจะแปลว่าหลอกเฉยๆก็ได้นะ
7.you've
got me
อันนี้แถม
ตอนแรกว่าจะไม่แปล แต่เห็นว่าเป็นสำนวนที่เจอบ่อยในหนัง
(หรืออาจจะชีวิตจริงด้วยอันนี้ก็แล้วแต่คนนะคะ 5555) You've got me.หรือ You got
me. ก็ได้ ที่เราคุ้นมีสองบริบท คือบู๊แอ็คชั่น กับหนังรัก
ถ้าใช้ในบริบทแรกจะหมายถึง เข้าไปช่วยเพื่อน หรือตัวประกันได้แล้ว
เราก็จะพูดว่า I got you. อาจจะพูดเพื่อเรียกสติคนที่ถูกช่วยว่าเออ
ไม่ต้องกลัวแล้วครับ ปลอดภัยแล้ว ผมได้ตัวคุณแล้ว
หรือเป็นการวอกลับไปบอกทางฐานทัพว่า I got him/her/them.อะไรก็ว่าไป ว่าได้ตัว---แล้ว
หรือได้สิ่งของมาแล้วกำลังถอยกลับ
ส่วนอีกบริบทนึงคือ แนวความรักความใคร่ พอพูด You got me เพลงของ Colbie
Caillatลอยมาเลย(เดี๋ยวแปลแล้วจะมาแปะนะ 5555) เพราะคำนี้มันจะให้อารมณ์ประมาณว่า
เอ็งได้ใจข้าไปแล้ว อะไรทำนองนั้น
บางครั้งอาจจเจอในบทสนทนาของสามีภรรยากำลังทะเลาะกัน หรือกำลังจะได้กัน ซึ่งในบริบทนี้ความหมายไม่ใช่ได้ใจ
หรือได้ตัว แต่เป็นการ 'ได้' ทางเพศสภาพ คือมีเซ็กซ์กันแล้ว
หรือกำลังจะมีในไม่ช้านี้ *////*
------------------------------------------------
สำหรับเนื้อหาของเพลงนี้
Home หรือ บ้าน เป็นสัญลักษณ์ของความอบอุ่น มั่นคง ปลอดภัย
ส่วนใหญ่เวลาเรามีปัญหาอะไรหนักๆ ก็มักจะนึงถึงบ้าน
ซึ่งอาจรวมไปถึงคนที่อยู่ที่บ้าน เช่นพ่อ แม่ แต่ชีวิตคนเราแตกต่างหลากหลาย
สำหรับบางคนบ้านที่มีอยู่จริงๆ อาจไม่ใช่บ้านในความรู้สึกก็ได้ ในเพลงก็เช่นกันค่ะ
บ้านที่นักร้องสาวหมายถึง อาจไม่ใช่บ้านของตัวเอง หรือบ้านของคนที่เธอไปหา
แต่หมายถึงที่ไหนก็ได้ ที่ทำให้เธออบอุ่นปลอดภัย สบายใจเท่านั้นเอง
ส่วนMVเพลงลักษณะคล้ายๆเหมือนอยู่ในบ้าน แต่ก็ไม่รู้ว่าบ้านรึเปล่า
การที่ห้องลักษณะดังกล่าวไม่มีการตกแต่งอะไร จัดว่าโคตรโล่ง
ซึ่งผิดกับวิสัยของบ้านจริงๆ(เพราะมักจะอุดมไปด้วยของสารพัดสิ่ง)
มันเป็นความรู้สึกของเพลงที่บอกว่า ที่เนี่ย เหมือนบ้านแต่ไม่ใช่บ้านจริงๆนะเว้ย
ทางด้านนักร้องหรือนางเอกMVของเรา....
1. มาในชุดวันเกิด : คนเราเกิดมามีแต่ตัวไง ไม่งงนะ
2. หน้าไม่แต่ง : สำหรับสาวๆผู้ช่ำชองงานเมคอัพอาจจะเถียงอยู่ในใจ
แต่งไงฟระดูไม่ออกหราาาาาา แล้วแต่วิจารณญาณนะคะ
555555แต่เอาเป็นว่ามันดูธรรมชาติมากๆละกัน
3. ผมเปียกเหมือนพึ่งอาบน้ำมา : เพราะเราเห็นรอยน้ำไหลจากผมเป็นทางตรงหน้าอก
(หากคุณสังเกต)
ทั้งหมดทั้งมวลนี่ มันต้องการสื่อความว่า ไม่มีอะไรเหลือแล้ว เจอมาหนักมาก
นี่จริงใจสุดๆ เปิดเผยหมดเปลือกไม่มีปิดบัง
เพราะไม่มีอะไรให้เสียแล้วอยากเห็นตรงไหน อยากรู้อะไรรู้ไปเลย
และเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุดด้วย(เสื้อผ้าจัดเป็นเครื่องป้องกันร่างการประการหนึ่ง)
ช่วยดูแลฉันหน่อยเถอะ
....สำหรับเราการอาบน้ำเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเอง
เป็นช่วงเวลาของการชำระล้างทางกายภาพ อาจจะทางใจด้วย (แต่ส่วนใหญ่มักไม่ได้ผลนะ
55555) เพราะมันจะเหมือนระบายอารมณ์ออกไปพร้อมน้ำที่ไหลผ่านตัว
แล้วพออาบเสร็จก็สภาพเหมือนนางเอกMVนี้เลยค่ะ(ถ้าเรื่องแม่งแย่จัด) มันก็จะมีร่องรอยของความเจ็บปวดเหลืออยู่
และเราตีความว่า
ตัวเปียกๆหลังจากการอาบน้ำแบบนี้เหมาะแก่การหาผ้าเช็ดตัวส่งให้สักผืน
ซึ่งการให้ผ้าเช็ดตัวก็หมายถึงการให้ความอบอุ่นนั่นเอง ถ้ามีคนที่เราไว้ใจ
และทำให้เรารู้สึกโอเคยื่นผ้าเช็ดตัวให้ หรือห่มให้ ในช่วงเวลาที่แย่ที่สุด
น่าอับอายที่สุด(การเปลือยร่างหมายถึงความน่าอับอายได้ด้วย) อ่อนแอที่สุด
จะอบอุ่นเข้าไปถึงหัวใจเลยค่ะ ^ __ ^
แปลโอเคเลยค่ะ บทวิเคราะห์ก็เจ๋งนะ เราคิดไม่ถึงแฮะ ปรบมือค่ะ
ตอบลบ